หน้าฟิค IBYS 3 _ ง้อแล้วนะ
http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=887510&chapter=81
(อัพตั้งแต่ต้นจนจบเพราะในหน้าหลักตัดออกเป็นบางคำค่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้โดนแบน)
คุณทนายยังคงอารมณ์ไม่ดี.....
ไม่มีใครบอกหรอก แต่หน้าหล่อที่ตึงๆ ปากอิ่มปิดและเหยียดเป็นเส้นตรง ตาคมเจือแววขุ่นนั่นต่างหากล่ะ
ที่บอกอีทงเฮทั้งหมด
หลังจากที่ชักชวนมาเรียนชงกาแฟ คุณทนายเขาตวัดตามามองหน่อยเดียวเท่านั้นแล้วก็หันหน้าหนีแต่ก็ยอมลุกตามมาง่าย
ๆ อีทงเฮชี้สูตรเครื่องดื่มยอดนิยมที่แปะเอาไว้แล้วให้คิมคิบอมลองทำพร้อมกับอธิบายช้า
ๆ นิ้วมือยาวหยิบโน่นจับนี่มาชงเป็นกาแฟเย็นแก้วโตแถมรสชาติยังใช้ได้จนอีทงเฮต้องเอ่ยปาก
และเมื่อได้รับคำชม
คิ้วเข้มๆ ของคิมคิบอมก็เลิกขึ้นหนึ่งข้างทันที
อาการเลิกคิ้วประกอบกับสีหน้าท่าทางของคิมคิบอมในตอนนี้ อีทงเฮแปลได้ว่า “ก็บอกแล้วว่าไม่ได้แย่” แต่ทำไมแก้วของปาร์คโดฮยอนถึงได้ห่วยขนาดนั้น....อีทงเฮคงต้องเก็บไปคิดอีกที
ทดลองชงได้แค่สองเมนูลูกค้ารายใหม่ก็เข้ามาในร้าน
คิมคิบอมทำหน้าที่พนักงานต้อนรับแทนอีทงเฮด้วยเสียงทุ้มต่ำ หยิบเมนูแล้วก้าวขายาวๆ
ออกไปเพื่อรับออร์เดอร์หลังลูกค้าหาที่นั่งเรียบร้อย คนหน้าคมแบ่งอารมณ์ได้ดีมากจนอีทงเฮอดชมในใจไม่ได้
แม้ว่าคุณทนายจะยังอารมณ์ขุ่นมัวกับเรื่องปาร์คโดฮยอนแค่ไหน
แต่ใบหน้าหล่อของคุณทนายยังคงมีรอยยิ้มไว้เพื่อต้อนรับลูกค้าอยู่เสมอ เสียงห้วน ๆ ปรับเป็นทุ้มนุ่มเมื่อทำหน้าที่พนักงาน แล้วกลับเป็นหน้าตึงเสียงห้วนอีกครั้งเมื่อต้องคุยกับอีทงเฮ
มือขาวบรรจงเช็ดแก้วช้าๆ
นัยน์ตาสีน้ำตาลมองตรงไปที่อีกฝั่งของระเบียงร้านที่มีคนตัวสูงนั่งอยู่ เมื่อเสร็จสิ้นงานบริการลูกค้าคิมคิบอมก็จะนั่งพักอยู่ตรงนั้น
ไม่เดินมาเกาะแกะป้วนเปี้ยนเขาอย่างที่เคยทำมาเสมอ แต่ตาคมที่เหลือบมามองบ่อยครั้งก็ทำให้รู้ว่าคิมคิบอมยังใส่ใจอยู่ตลอดเวลา
สบตากันชั่วเวลาสั้น
ๆ ก่อนที่คิมคิบอมจะละสายตากลับไปที่ผืนทะเลที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
ตาเรียวไล้มองเสี้ยวหน้าคมก่อนจะหลุบต่ำมองแก้วในมือตนอีกครั้ง มองนิ่งแต่ใจกลับไม่ได้อยู่ที่แก้วใบใส ใจดวงน้อยของอีทงเฮลอยไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน
เหตุการณ์ที่ทำให้เขาเสียน้ำตาครั้งใหญ่ในรอบหลายปีนั่นเอง
เหตุการณ์วันนั้นชวนคิดคล้าย...แม้ไม่เหมือน
คิมคิบอมไม่พอใจกับความในใจของปาร์คโดฮยอน ลูกค้าประจำของร้านบอกคิมคิบอมในสิ่งที่เขายังไม่ได้บอก
นั่นคือผู้ชายคนนั้นขอคบกับเขาเมื่อราวเดือนก่อน
เขายังไม่ได้บอกแต่ไม่ได้ต้องการจะปิดบัง คิดเอาไว้ว่าจะแนะนำให้รู้จักเมื่อได้พบกัน แต่ยังไม่ทันได้แนะนำปาร์คโดฮยอนก็ชิงแสดงตัวกับคิมคิบอมเสียก่อน และนั่นก็ทำให้คิมคิบอมโกรธเพราะคิดว่าเขาปิดบัง ส่วนสาเหตุที่ยังไม่ได้ปฏิเสธออกไปก็เพราะเขาคิดว่าปาร์คโดฮยอนคงจะไม่เชื่อจนกว่าจะได้เจอคิมคิบอม
ในขณะที่เขาเองก็เคยโกรธและเสียใจที่ถูกปิดบัง เสียความรู้สึกมากจนเลือกจะหนีหายไปซ่อนตัว อีทงเฮรู้ตัวดีว่ายังคงจมอยู่กับภาพติดตาเหล่านั้น แม้ภายหลังจะได้รับรู้ความจริงจนกระจ่างแล้วแต่กลับยังไม่ยอมให้กระจ่าง ปิดใจตนเพราะไม่อยากรับฟัง และที่ยังเจ็บหน่วงในใจทุกครั้งคือความรู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนลำบากใจ
ที่คล้ายคือต้นเหตุเริ่มจากการที่อีกคนยังไม่ได้บอก
แต่ต่างเข้าใจว่าอีกคนนั้น ปิดบัง
‘ยังไม่ได้บอก’ กับ ‘ปิดบัง’
ต่างกันหรือไม่ก็ตาม....แต่การที่อีกฝ่ายได้รู้ทีหลัง ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเหมือนกันคือโกรธและเสียใจ
หนึ่งคนหนีหาย ปิดตา ปิดใจ
เลี่ยงหนี
แต่อีกคนกลับเผชิญหน้า ระเบิดอารมณ์ใส่
การระเบิดอารมณ์และเอ่ยคำร้าย
ๆ เหล่านั้น นอกจากจะเป็นต้นเหตุของรอยนิ้วแดงๆ ที่ต้นแขนของเขาแล้ว ยังทำให้อีทงเฮสั่นไปชั่วขณะด้วยความกลัว
กลัวว่าคิมคิบอมจะไม่ฟัง กลัวว่าจะหันหลังให้...อย่างที่ตัวเองเคยทำ
แต่คิมคิบอมกลับไม่เป็นเช่นนั้น คิมคิบอมเองก็คงเสียใจไม่แตกต่าง แต่ก็ยังเลือกที่จะยืนอยู่ตรงนั้น
ที่ริมระเบียงให้เขามองเห็น หลายปีที่คบกันทำให้เขาพอเดาได้ว่าสาเหตุคนตัวโตหลบตาก็เพราะว่าน้อยใจ
และที่อยู่ห่าง พูดคุยน้อยจนแทบนับคำได้ก็เป็นเพราะกำลังควบคุมอารมณ์ไว้นั่นเอง
ตัวเล็กยิ้มบางเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ อย่างน้อยเหตุการณ์ร้าย ๆ ทั้งสองครั้งก็ทำให้เห็นเรื่องดีๆ เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดคิมคิบอมจึงยังอยู่ตรงนี้ เพราะรู้ว่าเขายังไม่ปกติหรือไม่ยอมให้ห่างอย่างที่เคยบอกไว้ แต่ไม่ว่าเพราะเหตุผลร้อยแปดอะไรก็ตาม..อีทงเฮคนนี้จะถือว่ามันเป็นเรื่องดีที่เขาได้รับจากคิมคิบอม
ค่อนดึกแล้วแต่อีทงเฮเพิ่งจะอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จเรียบร้อย ขาเล็กก้าวออกมาจากห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอน กางเกงผ้าเนื้อนุ่มที่ม้วนเอาไว้ตอนที่สวมในห้องน้ำถูกปล่อยให้ทิ้งตัวลง ขากางเกงยาวจนปิดเท้าเล็กไว้เกือบหมดถูกลากมาตามทางช้า
ๆ เมื่ออีทงเฮก้าวเดิน เสียงเนื้อผ้าเสียดพื้นไม้แผ่วพอได้ยิน คนตัวสูงที่นั่งอยู่ตรงประตูระเบียงชายตามามองเพียงเล็กน้อยแล้วกลับไปสนใจความมืดของหาดทรายนอกระเบียง
อีทงเฮใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดปลายผมชื้นเบา
ๆ ขณะที่หยุดยืนนิ่งตรงกลางห้อง
สายตาจับจ้องไปยังแผ่นหลังเปลือยเปล่าของคนที่อาบน้ำก่อนเขาเมื่อหลายสิบนาทีก่อน
คิมคิบอมแทบไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่เก็บของปิดร้าน เมื่อถึงห้องก็คว้าเอาผ้าเช็ดตัวเดินดุ่ม ๆ
เข้าไปอาบน้ำ ก่อนจะออกมาสวมแค่กางเกงขายาวแล้วนั่งขัดสมาธิพิงประตูระเบียงอยู่ที่พื้นอย่างนั้น
ปากบางสีระเรื่อเม้มเข้าหากันด้วยเจ้าตัวกำลังขบคิด ก่อนที่มือเล็กจะขยำผ้าขนหนูผืนน้อยในมือแล้วตัดสินใจก้าวขาไปหยุดยืนชิดแผ่นหลังกว้าง
ชะโงกมองมือเรียวยาวที่วางตรงหน้าขาแล้วพบว่าไม่มีมวนบุหรี่ ตัวเล็กจึงค่อยทรุดกายลงนั่งซ้อนหลังคนตัวโตกว่าแล้วค่อย
ๆ สอดมือเข้าตรงช่องว่างระหว่างแขนและเอวสอบของคิมคิบอม
คนถูกสวมกอดสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะทำนิ่งเฉย
ปากบางเบะนิดหน่อยเมื่อถูกเมินแต่ยังพยายามชะโงกมองหน้าคมข้ามไหล่กว้าง คิมคิบอมไม่ยิ้ม แต่ไม่ได้ทำหน้าบึ้งตึงอย่างเช่นตอนเช้านั่นก็ทำให้อีทงเฮคลายใจไปมาก มากจนกล้าพอให้ตัวเล็กขยับท่าทางของตนให้นั่งได้ถนัดแล้วซุกหน้าเข้ากับสะบักหลังของคนรักพร้อมกับกระชับอ้อมแขน
รู้สึกได้ว่าคิมคิบอมเอียงหน้ามามองเล็กน้อย แผ่นหลังเกร็งนิดหน่อยเมื่อเขาซุกหน้าเข้าหาก่อนจะค่อยคลายออก เจ้าของแผ่นหลังกว้างเอียงตัวใช้ไหล่ซ้ายพิงขอบประตูช้าๆ
เห็นดังนั้นอีทงเฮจึงเอ่ยเสียงแผ่วเบาพลางฝังใบหน้าลงกับเนื้ออุ่น
“คิบอม.....ขอโทษนะ”
“.....ขอโทษทำไม?”
เสียงทุ้มตอบนิ่งๆ
ไม่ห้วนแต่ไม่ทอดเสียงอ่อนอย่างที่เคยใช้กับเขาเสมอ แต่อีทงเฮจะถือว่าการที่คิมคิบอมยอมให้สวมกอดเช่นนี้เป็นเวลาเหมาะสมที่สุดที่ควรปรับความเข้าใจอะไรหลาย
ๆ อย่าง
“ขอโทษที่ยังไม่ได้บอกเรื่องปาร์คโดฮยอน ขอโทษทำให้นายโกรธ ขอโทษที่หนีไปในวันนั้นแถมยังคิดไปเองโดยไม่ถามนายก่อน...
แล้วก็ขอโทษที่จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่อยากได้ยินชื่อญาติของนายคนนั้นอยู่ดี”
“อืม
ช่างมันเถอะ”
“อื้อออ
ยังไงฉันก็อยากขอโทษ แล้วก็ ... ขอบคุณนะ”
“ขอบคุณเรื่องอะไร?”
“ขอบคุณที่แค่โมโหแต่ไม่เดินหนีฉัน
นายโกรธฉันรู้แต่นายก็ยังไม่ไปไหน”
“หนีไปแล้วได้อะไรไหมล่ะ? หือ?”
ตอบยอกย้อนพลางถอนหายใจให้ได้ยินจนคนนั่งซ้อนหลังทำจมูกย่นยู่เพราะโดนเหน็บเบา
ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงอู้อี้เพราะแนบริมฝีปากเข้ากับผิวเนื้อที่ไหล่
“ไม่รู้ ....
แต่.... แต่นายก็เคยเดินหนีฉันนะ ที่ร้านพี่จองซูอ่ะ”
“ ...โอเซฮุน
หึ.. หนีได้พ้นคืนไหมล่ะ?”
“ไม่อ่ะ ...แต่วันนี้นายก็ไม่เดินหนีก็ดีแล้วไง อ้อ แล้วก็ขอบคุณอีกอย่างด้วย”
“อะไร?”
“ก็ที่ยอมเสียงานมาอยู่กับฉันแบบนี้ไง ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรนายถึงอยู่ต่อ ทั้งที่จริงแค่มาส่งฉันก็ได้ ฉันรู้...ฉันทำให้นายไม่สบายใจ แต่ฉันจะลืมความรู้สึกไม่ดีพวกนั้นให้เร็วที่สุด
ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก เพราะฉะนั้น... อยู่กับฉันอีกสักพักนะคิบอม”
“หึ...จะอยู่ให้ไล่เลยล่ะ”
“จะอยู่ให้ไล่เหรอ? ….แล้วถ้าฉันไม่ไล่อ่ะ”
“ไม่ไล่ก็อยู่มันอย่างนี้แหละ....เอาไหมล่ะ?”
“เอา!!.. แล้วก็เลิกทำเสียงนิ่งๆ
ใส่ฉันด้วย วันนี้พูดกับฉันอย่างนื้ทั้งวันเลยนะ” รู้ตัวว่าถูกยอกย้อนอีกครั้ง แต่เมื่อคำถามเข้าทางอีทงเฮก็รีบตอบรับเสียงสูง
พร้อมกับตัดพ้อคนตัวโตที่ทำหน้านิ่งเสียงเย็นชาใส่กันมาตลอดทั้งวัน แม้จะพูดกันแทบนับคำได้ก็ตามที
“ไม่ได้ทำ ปกติก็พูดแบบนี้”
“ฮื่อออ ไม่จริง ปกตินายไม่ทำเสียงแข็งๆ ใส่ฉันแบบนี้”
ตัวเล็กกระชับกอดแล้วมุดหน้าลงกับแผ่นหลัง
“นี่อีทงเฮ ...ก็คนมันโมโห มันโกรธ เข้าใจไหม? นี่ยังไม่รวมที่หึงเข้าไปด้วยนะ จะให้พูดดีกว่านี้คงยังไม่ได้หรอก”
“งั้นก็หายโกรธสักทีสิ จะได้พูดกับฉันดี ๆ ... หายนะ”
แขนเล็กเขย่าเบา
ๆ นิ้วน้อย ๆ ลูบแผ่นท้องแข็ง ๆ ของอีกคน แต่กระนั้นคิมคิบอมก็ยังทำตัวนิ่ง
ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ
อีทงเฮพยายามชะโงกมองสีหน้าของคิมคิบอมโดยการเกยคางไว้ตรงไหล่แล้วเอียงคอมอง
แต่ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเพราะคิมคิบอมเบนหน้าหนีไปอีกทางราวกับเจตนาไม่ให้มองเห็น
“ฮื่อออออออออออ นะ....คิบอม”
เสียงแหบครางอย่างขัดใจน้อย
ๆ ตัวเล็กกระเถิบตัวเบียดเข้าไปอีก
วางหน้าผากตรงหลังคอหนาแล้วเกลือกหน้าบนผิวอุ่นแรงๆ
อย่างไม่เกรงว่าตัวเองจะแสบหน้า แถมยังทำตัวดุ๊กดิ๊กไปมาอย่างคนขัดใจและไม่ยอม
ปากอิ่มลอบยิ้มบางเบาเมื่อถูกง้อ ว่ากันตามตรงคิมคิบอมหายโกรธตั้งแต่ถูกชวนไปชงกาแฟแล้ว
แต่ที่ยังหงุดหงิดเพราะยังหึงและหวงคนของตนเองไม่หาย
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดในใจเพราะคาดเดาไว้ว่าต้องเจอเพื่อนของอีทงเฮคนนั้นอีกไม่รู้กี่วันต่อกี่วัน
แอบลอบมองคุณเจ้าของร้านเขาทำโน่นนี่อยู่ตลอดและใจเย็นลงมากเมื่อพบว่าตาเรียวคู่นั้นก็มองหาเขาอยู่เสมอ แต่ด้วยความที่อารมณ์ยังไม่คงที่นักจึงเลือกถอยห่างออกมาเล็กน้อย คิดเอาไว้ว่าหากได้พักผ่อนเต็มที่อีกสักคืนใจคงดีขึ้นและพร้อมรับมือกับลูกค้าประจำที่หวังจีบแฟนเขาคนนั้น แต่แขนเล็ก ๆ เย็นๆ ที่แอบย่องมาสวมกอดกัน....
คงทำให้หมอกขุ่น ควันเทาในใจจางลงเร็วกว่าที่ควร
จับมือเล็กที่เกาะกันเหนียวหนึบแล้วแกะออกเบา
ๆ เสียงแหบของคนที่แปลงร่างเป็นตัวอะไรบางอย่างเกาะหลังครางอย่างขัดใจในลำคอทันทีเมื่อโดนแกะอ้อมกอด
คิมคิบอมกางแขนเล็กออกพอให้ขยับตัวได้ก่อนจะหมุนกายกลับมาสบตาเรียวสีน้ำตาลสวย อีทงเฮจ้องรอเขาอยู่แล้วอย่างขัดใจ....ปนขัดเขิน เห็นดังนั้นเขาจึงจับมือเล็กให้กอดเข้าที่เอวของเขาอีกครั้งแล้วสวมกอดอุ่นๆ
กลับไปเพื่อตอบแทน
“ฮื่ออออออ..”
เสียงแหบครางในลำคออีกครั้ง
หนนี้ฟังแล้วยากจะเดาว่าพอใจหรือยังขัดใจอยู่ แต่คิมคิบอมไม่ได้สนใจแล้วในนาทีนี้เพราะกำลังดีใจที่อีกคนร้องขอให้อยู่ต่อ ขุ่นมัวในความคิดโดนสายลมเย็นเอื่อยๆ
โชยกลิ่นไม้ดอกเล็กหอมอ่อนหอบพัดหาย โกรธที่เคยบีบอยู่ในใจราวกับโดนมือเล็กๆ
ของอีทงเฮไปจับให้คลายออกอย่างอ่อนหวาน
“จะอยู่ให้ไล่”
“แล้วถ้าฉันไม่ไล่”
“งั้นก็อยู่มันอย่างนี้แหละ..เอาไหม?”
“เอา”
หัวเราะในลำคอพลางส่ายหน้าไปมาเบา
ๆ อีทงเฮนะอีทงเฮ ตอบมาแบบนี้แล้วจะให้เขาไปไหนได้อย่างไรกัน ในเมื่อสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด...ก็คือการได้อยู่ข้าง
ๆ อีทงเฮ
แต้มจุมพิตที่หน้าผากเกลี้ยงเกลาด้วยแรงรัก ละเลียดลากริมฝีปากกับเปลือกตาบางที่พริ้มรับรออยู่
จมูกโด่งสวยได้รูปเชิดรอรับรอยจูบนุ่มนวล
เอียงแก้มนุ่มหนีเล็กน้อยแต่ก็ยอมให้สูดดมกลิ่นหอมชื่นใจ
ปากบางเผยอน้อยรับลิ้นอุ่นด้วยความเต็มใจ
จูบกี่ครั้งก็ยังหวานและยังคงหวามไหวเสมอ จะไล้จูบแผ่วเบาหรือจูบลึกซึ้งก็หวานล้ำไม่แตกต่าง ยิ่งดูดดึง ยิ่งตอบรับด้วยลิ้นเล็กอุ่นชื้น ตวัดกลืนกินอย่างคนรู้ใจกัน
นิ้วเล็กๆ ไต่เลาะที่แผ่นหลังก่อนขยำแล้วจิกผิว มือน้อยซุกซนกว่าวันวานนักเพราะแอบกดปลายนิ้วไปทั่วจนบางความรู้สึกของคิมคิบอมเล่นปราดผ่านสะดือลงต่ำ มือเรียวจึงสอดฝ่ามือใต้เสื้อยืดเนื้อนุ่มช้าๆ เพื่อสำรวจหาความอุ่นนุ่มแสนยวนใจ
อีทงเฮเป็นผู้ชายแต่ไม่มีเส้นขนแข็งให้ระคายมือ อีทงเฮมีผิวที่ขาวเนียนเพราะเจ้าตัวหมั่นบำรุงผิวอยู่เสมอ
เนื้อเรียบตึงอย่างชายหนุ่มที่ออกกำลังเป็นประจำจากกิจวัตรที่ทำอยู่ กล้ามเนื้อเล็ก ๆ ทั่วร่างของอีทงเฮจึงตึงกระชับสมตัว
ดูสุขภาพดี ทว่าไม่แข็งกระด้าง
กลับนวลเนียนดึงดูดให้สัมผัสไม่รู้เบื่อ
ซุกหน้าคมดูดชิมผิวคอหอมอ่อน
แว่วเสียงแหบครางแผ่วจนอยากซุกหน้าแนบหูฟังอยู่ซ้ำ ๆ ยิ่งฟังเสียงแหบครางอย่างอดกลั้นก็ยิ่งได้ใจ ลากผิวฟันกัดชิมน้อย ๆ
จนกายเล็กสะดุ้งไหวในอ้อมอกเขา ไล่สัมผัสหนักบ้างสลับเบาก่อนกด
บดบี้ที่เม็ดน้อยกลางแผ่นอกขาวจนสู้มือ
“อืออออออ
คิบอม”
“................”
“หาย..อ่ะ .. หายโกรธแล้วใช่ไหม?.... อื้ออออ”
มือเล็กเปลี่ยนมาขยำหัวไหล่ก่อนจะเปล่งประโยคคำถามแทรกเสียงครางตนเองอย่างยากลำบาก ปากอิ่มลากช้า ๆ
จากแอ่งชีพจรที่เต้นตุบตับเพราะเลือดในกายสูบฉีด จนมาถึงริมฝีปากแดงฉ่ำรสหวาน กดจูบลึก แทรกลิ้นร้อน
กวาดต้อนจนอ่อนยวบยาบ
จึงตอบคำถามทั้งที่ริมฝีปากยังสัมผัสกันอยู่อย่างนั้น
“หึ....ยัง”
“ยัง? ได้ไงอ่ะ... ยังแล้ว... อื้อออ
ทำไมอ่ะ?”
“ก็ตามน้ำไง
...นายจะง้อฉันไม่ใช่เหรอ”
“ปะ.. เปล่า...”
“จุ๊บ.. ไม่ได้ง้อหรอกเหรอ จุ๊บ..ก็เห็นมาแอบกอดกัน
ก็นึกว่าอยากง้อ”
แต้มจูบเวียนวนทั่วหน้าเรียวสวยที่หลงรักหนักหนา
“ฉันแค่อยากขอบคุณ.. อ้ะ!
อย่าแรงสิ เจ็บ”
มือเล็กคว้าเอามือใหญ่ที่กำลังบดบี้จุดเล็ก ๆ
อย่างเพลิดเพลินไปกำไว้แน่นก่อนจะตัดพ้อเขาด้วยแววหวามคลอหน่วยตาเต็มเปี่ยม
“เจ็บแล้วไม่ชอบเหรอ ตกลงว่าไม่ง้อแน่นะ” ตาคมหลิ่วน้อยล้อเลียน ท่าทางคำว่าชอบของคิมคิบอมจะแปลความหมายได้หลายอย่างจนคนตัวเล็กเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นอารมณ์ชวนขนเส้นอ่อนลุกเกรียวทั้งร่างเพราะแรงบี้หยอกเอิน
ยั่วเย้าที่จุกน้อยสลับเค้นคลึงแผ่นอกขาวจนเผลอแอ่นกายสู้มือ
“ฮื่อออออออ...ไม่ง้อ ไม่ง้อแล้ว”
ทำเสียงขัดใจให้รู้ว่าไม่ชอบที่โดนล้อ
ปากล่างเชิดใส่พลางปัดมือของอีกคนทิ้งไปเพื่อไม่ให้ประกอบกิจใดต่อ
คิมคิบอมจ้องเข้าไปในหน่วยตาสีน้ำตาลที่เริ่มฉายความต้องการผ่านน้ำใสคลอหน่วย แต่ปากบาง ๆ
ที่เชิดและเม้มแน่น หลังปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ง้อ
ก็ทำให้คิมคิบอมรู้ในทันทีว่าอีทงเฮปากแข็งอีกเช่นเคย
“แน่ใจ?”
“................”
“ได้... . ฉันไม่เป็นไรหรอก ปล่อยฉันไว้แบบนี้แหละ พรุ่งนี้ก็หายเอง”
มองข้ามปากเบะ ๆ
นั้นแล้วผละออกมานั่งหันหน้าออกสู่ระเบียง
หันหลังให้คนตัวเล็กหน้าคว่ำด้วยท่าทีเรียบ ๆ
ราวกับไม่รู้สึกอะไรกับบางกิจกรรมที่เริ่มต้นไปแล้วและไม่สานต่อ เดือดร้อนคนปากแข็งแต่ขี้อายต้องพึมพำอะไรอยู่กับตัวเองอยู่อีกสักพัก ก่อนจะค่อย ๆ
กระเถิบตัวเองมานั่งข้างๆ แล้ววางหัวกลมๆ ของตนเองลงบนหัวไหล่ สอดปลายนิ้วเข้าเกาะเกี่ยวมืออีกคนไว้
กระชับมือที่จับกันให้แน่นก่อนบ่นอุบอิบพอให้อีกคนได้ยิน
“รู้ว่าอายแล้วจะให้พูดทำไมบ่อย ๆ
ล่ะ... นี่คิบอม... ง้อแล้วนะ”
“หึ.. ”
“เหมือนเดิมได้แล้วนะ”
“อยากให้หายโกรธเลยไหมล่ะ?... เอาแบบว่าไม่โกรธเรื่องไอ้บ้านั่นอีกเลย...
เอาไหม?”
“ได้เหรอ?”
“ได้สิ ... ง่ายนิดเดียว”
“ทำไงอ่ะ?”
ตาเรียวช้อนมองด้วยความสงสัย จะบอกว่าไม่รู้เลยก็คงไม่ใช่เพราะแก้มเนียนขึ้นสีแดงก่ำจากการคาดเดาไปแล้วล่วงหน้า
“ทำต่อทีสิ.. แล้วต่อไปฉันจะไม่โกรธ
ไม่สนใจเรื่องไอ้บ้าที่มาจีบนายอีกเลย”
“ไหวป่ะ?”
“อย่ามาดูถูกกันนะ!”
“เปล่าเลย ก็เห็นเฉย ๆ
นึกว่าไม่ไหว”
“ฉันก็ผู้ชายนะคิมคิบอม”
“รู้.... รู้ดีเสียยิ่งกว่าใครเลยล่ะ ว่านายเป็นผู้ชาย”
ถ้าพูดเฉยๆ ก็คงไม่ได้ทำให้รู้สึกอะไร แต่อาการหลิ่วตากวาดมองตั้งแต่หน้า คอ อก
แล้วลงต่ำ นี่พาให้อีทงเฮอยากเอาหัวมุดอกแข็ง ๆ นั่นเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ก็พอจะเข้าใจนะ
ว่าทำไมคิมคิบอมถึงได้ถามว่าไหวไหม
ตั้งแต่ตวัดขานั่งคร่อมอีตาทนายหน้านิ่งที่เหยียดขาทำท่าทางสบายใจเอามือเท้าพื้นไว้รออยู่นานสองนานแล้วเขาก็ยังไม่เริ่มทำอะไรสักอย่าง
พูดกันด้วยความจริงก่อนจะคบกับคิมคิบอมอีทงเฮเองก็เป็นผู้ชายธรรมดาที่ไม่เคยสนใจผู้ชายด้วยกัน
แต่ไม่ได้ต่อต้านเพราะความรักแบบนั้นรายล้อมอยู่รอบตัวเขาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นพี่จองซูกับพี่หมี หรือพี่ประธานที่ตามจีบเพื่อนไก่ อีทงเฮเป็นผู้ชายที่มอง พูดคุย และคบหากับหญิงสาวในระดับหนึ่ง แต่ก็เพียงเท่านั้น ไม่ได้คบหาลึกซึ้ง อาจเพราะภารกิจที่แสนวุ่นวายในชีวิตประจำวันจึงทำให้มองข้ามความรักแสนหวานของวัยรุ่นไป ดังนั้นคนที่ทำให้อีทงเฮรู้จักความสัมพันธ์เกินเลยชิดใกล้เช่นนี้จึงมีแค่คิมคิบอม
อีทงเฮเคยบ่นเสมอว่าไม่ชอบตัวเองเอาเสียเลย ไม่ชอบที่ต้องเขินอายและควบคุมตัวไม่ค่อยอยู่ ไม่ชอบที่คิมคิบอมเอาอกเอาใจ
แสดงท่าทีทะนุถนอมราวกับเขาเป็นหญิงสาวบอบบาง เคยไม่ชอบ...แต่เมื่อถึงวันหนึ่งที่เคยชินกับสิ่งเหล่านั้น
ได้ปรับตัวเข้าหากันจนคุ้นชินถึงจุดหนึ่งที่รู้สึกอบอุ่นและสุขใจเมื่อรับการเอาใจใส่ดูแล
จนถึงวันนี้อีทงเฮยังคงมั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้ชายธรรมดา
หญิงสาวหน้าตาน่ารักยังคงเรียกสายตาจากเขาได้มากกว่าชายหนุ่มหน้าตาดีอยู่เสมอ ใครหลายคนที่เข้ามาแสดงความสนใจอย่างออกนอกหน้าหรือแอบๆ
มา เขารับรู้แต่ไม่เคยคิดเป็นอื่น ดังนั้น..
อีทงเฮจึงยังเชื่อมั่นว่าตนยังคงเป็นผู้ชายธรรมดา ................ยกเว้นก็แค่เวลาที่อยู่กับคิมคิบอม
“คิดอะไรอยู่?”
เสียงทุ้มถามเรียกสติให้อีทงเฮกลับมาเผชิญเหตุการณ์ตรงหน้า เหตุการณ์ที่ว่าตัวเขาเองเป็นคนก้าวขาคร่อมแล้วทิ้งตัวนั่งอยู่บนหน้าขาแข็งๆ
ของคนที่จับจ้องเขาอยู่
คิมคิบอมเอนกายไปทางด้านหลังใช้มือหนึ่งข้างค้ำพื้นเอาไว้
ส่วนอีกข้างส่งมาลูบต้นขาเขาเบาๆ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
แต่อะไรก็ไม่อายเท่าหน่วยตาดำสนิทที่ไล้ไปทั่วกายเขา ราวกับใช้สายตาแทนมืออุ่นๆ
สัมผัสไปทั่วทั้งตัว
“เปล่า.. ไม่ได้คิด”
ตอบเสียงแข็ง ๆ
พลางเริ่มใช้ปลายนิ้วแตะแล้วลากลงไปบนแผ่นท้องที่ขึ้นลอนน้อย ๆ
เมื่อเจ้าตัวเกร็งรับก่อนดันตัวขึ้นตรง
อีทงเฮใช้มือผลักอกแน่นๆ เบา ๆ เพื่อให้อีกคนเอนลงไปอยู่ตำแหน่งเดิมก่อนจะค่อยๆ
ลากปลายนิ้วขึ้นสูงสลับกับลอบสังเกตสีหน้า
“ไม่ได้คิดแต่ทำหน้ายับ
คิ้วยู่... นายคิดว่าฉันดูไม่ออกเหรอ”
“จะให้ทำก็อยู่เฉย ๆ สิ!”
แน่นอนว่าคนอย่างอีทงเฮ
เมื่อโดนรู้ทันก็ต้องเหวี่ยงบ้าง... และแน่นอนว่าคิมคิบอมเองก็ดูออกอีกแล้วเช่นกัน
“หึ....”
“นาย.. ช.. ชอบแบบไหนอ่ะ?”
กลั้นใจถามแล้วต้องรีบกัดฟันฉับ ด้วยความสัตย์จริงตั้งแต่คบกันและเกินเลยมาหลายปี
อีทงเฮแทบไม่เคยรู้เลยว่าคนรักชอบหรือต้องการแบบไหน ที่ผ่านมาคิมคิบอมเป็นฝ่ายปรนเปรอ เอาอกเอาใจ และเขาเองก็เขินอายเกินกว่าจะลืมตา ได้แต่ปล่อยให้กาย
ความรู้สึก และสัญชาตญานชักพาตามแรงชักจูงจนถึงปลายทางเสมอ
“นายชอบแบบไหน
ฉันก็ชอบแบบนั้นแหละ”
ตอบนิ่ง ๆ
แต่ติดรอยยิ้มที่มุมปากพอน่าหมั่นไส้
ยิ้มนี้เองที่ทำให้อีทงเฮมั่นใจว่าคิมคิบอมหายโกรธแล้วเป็นปลิดทิ้งแต่ยังยืนยันจะให้เขาเป็นฝ่ายเอาใจมากกว่า ตัวเล็กขบฟันเข้ากับริมฝีปากล่าง
สูดลมหายใจเข้าแล้วค่อย ๆ โน้มตัวลงช้าๆ
ก่อนจรดริมฝีปากลงกับแผ่นเนื้อตึงแน่นฝั่งซ้ายที่มีหัวใจของบางคนเต้นอยู่
กายใหญ่เกร็งรับสัมผัสทันทีจนกล้ามท้องขึ้นเป็นลูก แผ่นอกแข็งแน่น ตัวเล็กโน้มแนบแตะจุมพิตทั่วแผ่นอกซ้าย ก่อนค่อย
ๆ
กดจมูกสูดกลิ่นผิวโชยกลิ่นครีมอาบน้ำที่ผสานเข้ากับกลิ่นกายจนเกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว...
กลิ่นอุ่น ๆ หอมลึก ๆ ของคิมคิบอม
“อืมมมม” เสียงทุ้มครางเบาๆ ให้อีทงเฮย่ามใจว่ามาถูกทาง ก่อนแลบปลายลิ้นน้อยแตะตุ่มไตแล้วกดจูบ ดูดดึง
มือใหญ่โอบไหล่ลาดแล้วไล้มือนอกเสื้อนอนช้า
ๆ กายหนาค่อย ๆ เอนหลังลงกับพื้น อีทงเฮรับรู้โดยสัมผัสว่ามือทั้งสองข้างของคิมคิบอมลูบอยู่ที่แผ่นหลังและต้นขา ตัวเล็กยังลงลิ้นที่จุดบนอกจนแข็งขืน ก่อนจะเริ่มจูบและดูดผิวเนื้อหน้าอกอย่างตั้งอกตั้งใจจนอีกคนหัวเราะในลำคอ
“หึ....ทำอะไรอยู่?”
“ทำสัญลักษณ์”
หน้าเรียวสวยยังง่วนอยู่กับแผ่นอก บ่อย ๆ
ที่ลิ้นอุ่นไถลไปโดนจุกบนอกทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจจนคิมคิบอมสะท้าน แต่ก็ยังปล่อยให้อีทงเฮทำตามใจต้องการพลางใช้มืออีกข้างลูบผมนุ่มเบา
ๆ
“ไหนแต่ก่อนบอกว่าไม่ต้องทำไง ไหนเคยบอกว่ารู้แล้วว่าเป็นของใคร”
“ก็รู้แล้ว.. รู้มานานแล้ว แต่อยากทำ
คนมีรอยจะได้จำขึ้นใจบ้างไง”
“ทงเฮ.... ทงเฮ.....”
“ฮื่อออออ”
“ถึงนายไม่ทำ
ฉันก็จำได้ขึ้นใจอยู่แล้ว... มันเป็นของนาย... เป็นมาตั้งนานแล้ว”
จับต้นแขนแล้วดึงจนคนตัวเล็กกว่าเลื่อนสูงขึ้นมาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน
ดึงขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้คนที่คร่อมอยู่ด้านบนยั้งน้ำหนักไม่ทันจึงแนบกันไปทุกสัดส่วน สัมผัสที่แนบชิดตั้งแต่แผ่นอก แผ่นท้อง สะดือ และที่ต่ำกว่า ทำให้หน้าใสร้อนวูบ ปากอิ่มแต้มจูบกับปากบางที่ลอยอยู่ตรงหน้าเบา ๆ
สองสามครั้งก่อนร้องขอ
“จูบหน่อยสิ..ทงเฮ”
แนบริมฝีปากที่เริ่มขึ้นสีอย่างนุ่มนวล ปากบาง ๆ ค่อยไล้เลาะเล็มปากอิ่มที่รออยู่
ปลายลิ้นน้อยแตะแผ่วเวียนวนก่อนค่อยหย่อนลิ้นตนตามทางที่คนอีกคนเผยอรอ
เสียงต่ำ ๆ
ครางฮึมฮำในลำคอไม่หยุด
มือใหญ่ปัดป่ายทั่วแผ่นหลัง สอดรั้งเสื้อจนเลิกขึ้นสูงแต่ยังไม่ยอมดึงถอด ยิ่งลิ้นเล็กพยายามตามติดลิ้นชื้น
มือใหญ่ก็ยิ่งกดแผ่นหลังให้แผ่นอกแนบ
ขายาวยกตั้งฉากกับพื้นตามคลื่นอารมณ์ที่หมุนแรงขึ้นในช่องท้อง
“อืมม...ทงเฮ”
มือเล็กๆ ที่อุ่นจากการสัมผัส
ค่อยลูบไล้ไปทั่ว นิ้วเล็ก ๆ
แต่ร้ายใช่ย่อยเพราะอีทงเฮแอบคลึงเนื้อผิวจนคิมคิบอมหวิวลึกและร้อนวาบ
“อื้อออ...”
ตัวเล็กผละจูบจากริมฝีปากพร้อมดวงตาปรอยปรือ
ปากบางเจ่อแต้มจูบเอื่อยที่ปลายคางก่อนค่อยไต่ตามแนวกรามจนถึงใบหู ฟันซี่เล็กกัดติ่งหูเบา ๆ จนกายหนาเกร็งสะท้าน เสียงแหบ ๆ
ขำคิกในลำคอเบาคงเพราะถูกใจปฏิกิริยาของเขานั่นเอง
แม้จะเป็นฝ่ายถูกปรนเปรอมานานแต่สัญชาติญาณในตัวอีทงเฮยังมีอยู่เต็มเปี่ยม หากตัดความเขินอายจนริมฝีปากสั่น ๆ
ไปแล้วอีทงเฮอาจร้อนแรงอย่างเหลือเชื่อ
แม้ว่าคนตัวเล็กกำลังมุ่งมั่น เดินตามรอยที่เขาเคยทำให้แต่คิมคิบอมก็รู้สึกดีจนแหงนหน้าเปิดทางให้อีกคนทำตามใจพลางปล่อยลมหายใจที่อัดแน่นในปอดออกเฮือกใหญ่ ก่อนจะเกร็งรับอีกครั้งเมื่อปากนิ่ม ๆ ชื้น
ๆ ไต่ผ่านแผ่นอก แผ่นท้อง ลงต่ำจนเกือบถึงสะดือ
มือเล็กลูบวนแถวขอบกางเกงนอน
ปลายนิ้วสั่นจนรู้สึกได้ชัดแต่ก็ยังพยายามเดินหน้า อีทงเฮเรียนรู้ที่จะใช้ริมฝีปากกดจูบ
ปลายลิ้นแตะไล้ในบางครั้งอย่างที่เคยได้รับ
และในจังหวะที่มือน้อยจับหมับเข้าที่ขอบยางยืดคิมคิบอมก็คว้ามือเอาไว้พร้อมกับยกใบหน้าขึ้นทันที
“เดี๋ยว..ทงเฮ”
“อ่ะ.. ทำไมอ่ะ ไม่ชอบเหรอ” เอียงคอถามทั้งใบหน้าแดงก่ำ นี่คงอายเหลือกำลัง ดูน่ารักน่าเอ็นดูนักแต่คิมคิบอมจำต้องหยุดก่อนจะไกลเกินหยุดยั้งไปมากกว่านี้
“ชอบ...
เก่งนะ..แต่ฉันยังไม่อยากโป้ตรงนี้”
“หือ?”
ตัวเล็กลุกขึ้นนั่งตรงกลางขายาวที่แยกออกด้วยสีหน้างุนงง
คิมคิบอมที่ดันตัวขึ้นนั่งตรงแล้วโน้มหน้ามากดจูบเบาๆ พลางจับมือเล็ก ๆ
เขย่าๆ
“นี่มันระเบียง ไม่รู้มีใครอยู่ตรงหาดหรือเปล่า...
เราไปต่อกันข้างในห้องดีกว่านะ”
หวังจะเห็นคุณเจ้าของร้านกาแฟเป็นผู้นำอยู่หรือเปล่า?
หากยังอยู่ที่เดิมตรงริมระเบียงโดยที่คุณทนายไม่ทักให้อายก็อาจเป็นไปได้นะ
แต่หลังจากโดนทักไปแล้วหน้าใสก็หันซ้ายขวาเลิกลั่ก ก่อนจะรีบลุกทำหน้าตาเหรอหรา
พึมพำพอได้ยินว่า “ตายล่ะ..มีใครเห็นหรือเปล่า”
แล้ววิ่งปรู๊ดไปทิ้งตัวบนเตียงตลบผ้าห่มคลุมตัวจนมิดทิ้งให้คิมคิบอมต้องปิดประตูลงกลอน เดินไปปิดไฟห้อง(ที่เมื่อครู่สว่างโร่)
ก่อนเดินตามมาสอดตัวใต้ผ้าห่มแล้วสวมกอดคนที่นอนขดกลมจากทางด้านหลัง
“ทิ้งกันเลยนะ”
“อายอ่ะ.... นี่ยังไม่ดึกเลย
ถ้ามีใครมาเดินเล่นแล้วผ่านมาเห็นนะ แย่แน่เลย”
“คงไม่มีหรอก หรือถ้ามีก็ไม่เป็นไรหรอก
ยังไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย”
“ไม่ได้ทำอะไรได้ไงอ่ะ นี่ฉันนั่งคร่อมนายไปแล้วนะ”
มือเล็กตวัดผ้าห่มที่คลุมหัวออกก่อนเอี้ยวหน้ามาตอบด้วยเสียงขุ่น
ๆ “เพราะนายแหละ ให้ฉันทำอะไรก็ไม่รู้”
“ก็อยากให้ทำให้นี่นา”
“ถ้าคนแถวนี้เอาไปบอกพ่อกะแม่
จะทำยังไงอ่ะ”
“ก็บอกว่าแสดงความรักกัน...
ไม่เห็นยากตรงไหน”
“พูดง่ายอ่ะคิบอม”
เสียงเขียวและคาดว่าหน้าคงมุ่ยแต่คิมคิบอมมองไม่เห็นเพราะยังกอดจากด้านหลังอยู่
คนตัวโตกว่าจึงกระชับก้อนกลมในอกเข้าหาตัวก่อนกดจมูกสูดกลิ่นที่ไหล่ลาด
“ไม่คุยแล้ว...ต่อกันนะ”
“ฮื่อออออ... ไม่เอาแล้ว”
“ฮ่าๆ ปิดประตูแล้ว ปิดไฟแล้ว”
เพราะเสียงทุ้มเผลอหัวเราะดัง หน้าเรียวจึงเอี้ยวมามองพลางทำปากยู่ใส่....
เห็นดังนั้นคนตัวโตกว่าจึงเป็นฝ่ายพลิกอีกคนให้หงายแล้วเป็นฝ่ายคร่อมไว้เสียเอง
“หยุดไม่ได้แล้วล่ะ... นายก็รู้”
ผิวขาวเนียนเรืองรองในแสงส้มของโคมที่มุมห้อง
หน้าสวยเอนแนบไปกับที่นอนนุ่มสีครีมค่อนขาว นิ้วเล็กจิกไหล่หนาด้วยเสียวซ่านที่ได้รับ เสียงแหบครางลอดริมฝีปากบางเมื่อได้รักปรนเปรอ เรือนผมสีดำสนิทเคลียคลอต่ำ ปลายผมขยับแตะต้องผิวเนื้อต้นขาขาว เสียงจ๊วบจ๊าบดังแทรกเสียงทุ้มครางต่ำ เอวบางบิดเบี้ยว สะโพกขยับไหวตามแรงชักจูง
“อื้ออออ”
กัดฟันแน่นแต่เสียงครางก็ยังลอดผ่านไรฟันเพราะเกินจะยั้งอยู่ แรงชักพาที่อีกคนกำลังเสนอให้ทำเอาหัวใจเต้นกระหน่ำ ช่องท้องบิดมวน เสียวซ่านจนขนลุกเกรียว
เจ็บลึกแต่สุขเกินจะปัดป้องทิ้ง เสียดจากการเตรียมพร้อมบางส่วนจากกายใหญ่ที่เบียดแทรกกลางให้ท่อนขาแยกออกห่างกำลังทำให้อีทงเฮแทบคลั่งตาย
อารมณ์ของคิมคิบอมเองกำลังพุ่งทะยานไม่แตกต่าง แว่วเสียงกัดฟันกรอดแทรกมาบางครั้งทำให้รุ้ว่าคิมคิบอมต้องอดกลั้นมากแค่ไหน แต่กระนั้นก็ยังคงควบคุมอารมณ์ เล้าโลม
และเตรียมความพร้อมให้เขาอย่างเนิบนาบเชื่องช้า
แทรกสลับกับปรนเปรอให้ซ่านลึกจนกายสั่นและผวาจนเหมือนตัวแทบไม่ติดเตียง
“อื้อออ... มะ จะไม่ไหวแล้ว”
เสียงแหบเอ่ยสั่นก่อนจะคว้าหมับที่ท้ายทอยหนา แทรกปลายนิ้วขยำเรือนผมสีดำไม่เบาแรงแต่คิมคิบอมก็ยังเคลื่อนไหวไม่หยุด
แอ่นเอวลอยคว้าง กำแน่นจิกเล็บสั้นเข้ากับมือแข็ง
ๆ ที่คลึงเน้นบั้นเอวและเนื้อนุ่ม เผยอปากหายใจฮุบอากาศเฮือกสั้น
ๆ แอ่นโค้งจนปวดหลังแต่ความเสียวซ่านก็ยังไม่ลดลงแม้แต่นิด
เสียด คับ
ทว่าร่างกายกลับตอบรับด้วยเส้นประสาททั่วร่างพร้อมกันทำงานจนคล้ายร่างกายฟูฟ่อง อีทงเฮตอบรับจังหวะถี่ๆ
ของความอุ่นชื้นที่ครอบครอบรูดรั้งด้วยการเคลื่อนสะโพกตามที่ถูกชักนำ ก่อนแตะถึงแสงสว่างวาบที่ปลายอุโมงค์ด้วยปากเม้มเน้นกลั้นเสียงครางยาว
น้ำร้อนหยดเล็กไหลผ่านหางตาเมื่อบางสิ่งถูกปลดปล่อยพ้นร่างและรู้สึกวูบวาบจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์รื้นในอกได้ อารมณ์พุ่งทะยานพากายสะท้านหวามกระตุกถี่เมื่อคว้าถึงความสุขสันต์ นิ้วยาวยังนวดเนิบตามเนื้อตัวและต้นขา ปากร้อนยังเก็บซับร่องรอยตามผิวเนื้อมิได้หยุด กายบางจึงกระตุกอยู่เช่นนั้นเพราะอีกคนยังเพียรเอาใจด้วยสัมผัสหวานราวกับต้องการรั้งให้ความสุขอยู่กับเขาเนิ่นนานจนอิ่มหนำจึงค่อยผ่อนกายลงกับที่นอน
“อ๊ะ อ๊ะ
....ฮื่ออออ อื้อออออ คิ คิบอม....
อื้ออออออ......”
“ทงเฮ..” คล้ายเสียงทุ้มเรียกอยู่ไกลทั้งที่จริงกระซิบอยู่ชิดกับเนื้อผิว นิ้วแข็งๆ
เคลื่อนคลึงแผ่นอกที่ยังคงยวบไหวอย่างแรงเพราะยังโกยอากาศอยู่
“ฮื่ออออ... “
“ทงเฮ”
รู้ว่าเรียกแต่ไม่อาจขานรับ กายหนาที่ร้อนจัดจึงเลื่อนขึ้นมาคร่อมทับโดยที่กายส่วนล่างยังคงแนบทาบทับอยู่กลางเรียวขาขาวที่อ่อนเปลี้ยไร้แรงควบคุม ลิ้นร้อนฉกชิมทั่วจุกน้อยเต่ง แผ่นอกตึง
บดเบียดความต้องการที่ร้อนราวจะระเบิดให้รับรู้พลางลากลิ้นดูดกลืนผิวเนื้อไม่เบา
รู้สึกถึงฟันคมขบเบา ๆ ที่หัวไหล่ ยกมือขึ้นดันที่คางที่เต็มไปด้วยไรหนวดและกำลังซุกไซ้หนักจนเขาแทบหายใจไม่ออก
“ฮื่อออ ขอพักแป้บนึง” ออกแรงดันด้วยมือเปลี้ย ๆ
แต่นอกจากไม่ได้ผลแล้วยังถูกรวบมือไปคล้องที่ต้นคอ
“หึๆ”
เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอแทนคำตอบว่าไม่ยอมให้พัก
จนคนขอได้แต่จิกปลายนิ้วเข้าที่หลังพลางเผยออ้าปากเร่งโกยอากาศแถมตาละห้อยอีกนิดเผื่อว่าจะเห็นใจ มือใหญ่ละจากอกนุ่มที่เวียนบดคลึงปลุกเร้ามาประกองแก้มนุ่ม ใบหน้าคมโน้มมอบจูบลึกล้ำ
กวาดต้อนทุกหยาดหยดหวานล้ำในโพรงปากเล็กเพื่อยืนยันว่าอีกครั้งว่าเขาจะไม่ได้พักมือเล็กจึบทุบเข้าที่ไหล่ กวาดต้อนทุกซอก ไล่ตามลิ้นเล็กก่อนตวัดหยอกล้อ
แล้วดูดปลายลิ้นซ้ำ ๆ จนมือเล็กหยิกกำเนื้อแน่น เสียงหายใจฟืดฟาดผ่านความใกล้ชิดที่ยังเอียงใบหน้าเพิ่มพื้นที่สัมผัสจนอีทงเฮแน่ใจว่าต้องขาดใจแน่ๆ ปากร้อนจึงยอมผละออกไปอ้อยอิ่งชิมเนื้อที่ปลายคางแทน
“ฮื่ออออ... เอาแต่ใจ!”
“เพิ่งรู้เหรอ”
ตอกย้ำความเอาแต่ใจโดยไม่ละอายด้วยการลากมือลงไปแตะด้านในท่อนขาที่หนีบสะโพกสอบแน่นแล้วกางออกจัดแจงท่าทาง คนที่บอกขอเวลาพักครางรับความคับแน่นที่เกิดขึ้นพร้อมหงายหน้าเริ่ด
ขบริมฝีปากแน่น
“อืมมม ทงเฮ”
ด้วยการเตรียมพร้อมอย่างอ่อนโยนและเข้าใจจึงทำให้อีกคนรองรับตัวตนได้ดีโดยไม่เจ็บปวด แม้ไม่เจ็บปวดแต่ยังอึดอัดและจุกอยู่บ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ หน้าคมแดงก่ำด้วยอารมณ์พร้อมพุ่งทยานทว่ายังคงเอาอกเอาใจ ปากร้อนครอบอกขาวสะกิดหยอกเย้าตุ่มไต ไล้ปลายลิ้นมอบความหวามจนเริ่มผ่อนคลายแล้วแทนที่ด้วยอีกอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ต่างคนต่างพร้อม
ต่างสบตาต่างเข้าใจและเริ่มต้น
สะโพกสอบเริ่มเคลื่อนเพื่อมอบและตักตวงความสุขล้ำ ความเจ็บปวดมีน้อยความสุขจึงมากมายจนสมองเบลอพร่า คล้ายตกลงในห้วงเสน่หาอีกครั้ง
และอีกครั้งจนยากจะถอนตัว
ต่างเรียนรู้ ต่างตอบรับ ความเป็นกันและกันมานาน นานจนจำได้ทุกจุดสัมผัสทั่วเรือนกายแต่ไม่ทำให้การสานสัมพันธ์รักจืดจางลงแม้สักนิด ตรงข้ามต่างลูบวน แตะนิด แต้มหน่อย เพิ่มอารมณ์ซ่าน ทวีความร้อนเร่าด้วยวิธีที่ถูกอกถูกใจ ทุกการขยับ ทุกจังหวะเคลื่อนไหว ถาโถม สอดคล้องเป็นจังหวะเดียวกัน
ต่างเรียนรู้ ต่างตอบรับ ความเป็นกันและกันมานาน นานจนจำได้ทุกจุดสัมผัสทั่วเรือนกายแต่ไม่ทำให้การสานสัมพันธ์รักจืดจางลงแม้สักนิด ตรงข้ามต่างลูบวน แตะนิด แต้มหน่อย เพิ่มอารมณ์ซ่าน ทวีความร้อนเร่าด้วยวิธีที่ถูกอกถูกใจ ทุกการขยับ ทุกจังหวะเคลื่อนไหว ถาโถม สอดคล้องเป็นจังหวะเดียวกัน
ตัวเล็กบิดกายเร่า
เลี้อยกายฝังหน้าแนบ
เรือนผมน้ำตาลเข้มเปียกชื้นสยายบนผ้าปูสีอ่อน พรายหยดน้ำเกาะหน้าผากนูนเกลี้ยง ขมับ
จนถึงจมูกโด่งพราว
หยดน้ำร้อนจากจมูกโด่งคมก็ทิ้งตัวลงบนอกขาวเช่นกัน
“อ่า.. ทงเฮ”
มือเล็กปัดป่ายดันแผ่นอกกว้างก่อนดันตัวขึ้นเมื่ออีกคนเร่งจังหวะ มือร้อนสอดรัดเอวบางประคองแผ่นหลังแล้วสวมกอด มือเล็กกำหมับที่บั้นเอวหนาแล้วขยำตามห้วงอารมณ์ที่อีกคนโถมใส่ ไอร้อนของลมหายใจโลมเลียผิวกายจนยากจะแยกแยะที่มา
“ทงเฮ... ทงเฮ“
“อ้ะ อ้ะ.... อื้อออออ”
ลึกล้ำ ดำดิ่ง สาดซัดราวเกลียวคลื่น แรงโหมดั่งลมเสริมให้คลื่นสูงซัดฝั่ง พรายน้ำขาวที่ยอดปลายแผ่คลุมผืนทรายนุ่ม ก่อนซึมลึกแล้วถอยหลัง ถอยร่นลงสู่ผืนทะเลอีกครั้ง...เพื่อตั้งหลักซัดสาดอีกครา
สองร่างที่กอดรัดพันตูก็ไม่แตกต่าง พายุอารมณ์กระหน่ำจนกายทั้งสองสั่นสะท้านไหว ยิ่งอารมณ์พุ่งสูง ก็ยิ่งโถมใส่ดั่งแรงลมทะเลเสริม ยิ่งรับแรงยิ่งแอ่นรับจนคนมอบให้ไม่อาจลดทอนดุดัน แรงรักชักนำให้พายุอารมณ์หอบสติสัมปชัญญะหมุนคว้างก่อนพรายน้ำขาวที่ยอดปลายอารมณ์อุ่นวาบฉาบทั่วร่าง
ซาบซ่าน โอบไล้ ก่อนถอดถอนกายเพื่อเริ่มต้นอีกครา
TBC