วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

IBYS 3_ง้อแล้วนะ


หน้าฟิค IBYS 3 _ ง้อแล้วนะ 


http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=887510&chapter=81 

(อัพตั้งแต่ต้นจนจบเพราะในหน้าหลักตัดออกเป็นบางคำค่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้โดนแบน) 





                คุณทนายยังคงอารมณ์ไม่ดี.....


                ไม่มีใครบอกหรอก  แต่หน้าหล่อที่ตึงๆ  ปากอิ่มปิดและเหยียดเป็นเส้นตรง  ตาคมเจือแววขุ่นนั่นต่างหากล่ะ ที่บอกอีทงเฮทั้งหมด


                หลังจากที่ชักชวนมาเรียนชงกาแฟ  คุณทนายเขาตวัดตามามองหน่อยเดียวเท่านั้นแล้วก็หันหน้าหนีแต่ก็ยอมลุกตามมาง่าย ๆ    อีทงเฮชี้สูตรเครื่องดื่มยอดนิยมที่แปะเอาไว้แล้วให้คิมคิบอมลองทำพร้อมกับอธิบายช้า ๆ  นิ้วมือยาวหยิบโน่นจับนี่มาชงเป็นกาแฟเย็นแก้วโตแถมรสชาติยังใช้ได้จนอีทงเฮต้องเอ่ยปาก


                และเมื่อได้รับคำชม คิ้วเข้มๆ ของคิมคิบอมก็เลิกขึ้นหนึ่งข้างทันที อาการเลิกคิ้วประกอบกับสีหน้าท่าทางของคิมคิบอมในตอนนี้   อีทงเฮแปลได้ว่า “ก็บอกแล้วว่าไม่ได้แย่”  แต่ทำไมแก้วของปาร์คโดฮยอนถึงได้ห่วยขนาดนั้น....อีทงเฮคงต้องเก็บไปคิดอีกที


                ทดลองชงได้แค่สองเมนูลูกค้ารายใหม่ก็เข้ามาในร้าน  คิมคิบอมทำหน้าที่พนักงานต้อนรับแทนอีทงเฮด้วยเสียงทุ้มต่ำ หยิบเมนูแล้วก้าวขายาวๆ  ออกไปเพื่อรับออร์เดอร์หลังลูกค้าหาที่นั่งเรียบร้อย  คนหน้าคมแบ่งอารมณ์ได้ดีมากจนอีทงเฮอดชมในใจไม่ได้  แม้ว่าคุณทนายจะยังอารมณ์ขุ่นมัวกับเรื่องปาร์คโดฮยอนแค่ไหน แต่ใบหน้าหล่อของคุณทนายยังคงมีรอยยิ้มไว้เพื่อต้อนรับลูกค้าอยู่เสมอ  เสียงห้วน ๆ ปรับเป็นทุ้มนุ่มเมื่อทำหน้าที่พนักงาน  แล้วกลับเป็นหน้าตึงเสียงห้วนอีกครั้งเมื่อต้องคุยกับอีทงเฮ 


                มือขาวบรรจงเช็ดแก้วช้าๆ   นัยน์ตาสีน้ำตาลมองตรงไปที่อีกฝั่งของระเบียงร้านที่มีคนตัวสูงนั่งอยู่  เมื่อเสร็จสิ้นงานบริการลูกค้าคิมคิบอมก็จะนั่งพักอยู่ตรงนั้น  ไม่เดินมาเกาะแกะป้วนเปี้ยนเขาอย่างที่เคยทำมาเสมอ  แต่ตาคมที่เหลือบมามองบ่อยครั้งก็ทำให้รู้ว่าคิมคิบอมยังใส่ใจอยู่ตลอดเวลา


                สบตากันชั่วเวลาสั้น ๆ ก่อนที่คิมคิบอมจะละสายตากลับไปที่ผืนทะเลที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย  ตาเรียวไล้มองเสี้ยวหน้าคมก่อนจะหลุบต่ำมองแก้วในมือตนอีกครั้ง  มองนิ่งแต่ใจกลับไม่ได้อยู่ที่แก้วใบใส  ใจดวงน้อยของอีทงเฮลอยไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน  เหตุการณ์ที่ทำให้เขาเสียน้ำตาครั้งใหญ่ในรอบหลายปีนั่นเอง


                เหตุการณ์วันนั้นชวนคิดคล้าย...แม้ไม่เหมือน


                คิมคิบอมไม่พอใจกับความในใจของปาร์คโดฮยอน  ลูกค้าประจำของร้านบอกคิมคิบอมในสิ่งที่เขายังไม่ได้บอก นั่นคือผู้ชายคนนั้นขอคบกับเขาเมื่อราวเดือนก่อน  เขายังไม่ได้บอกแต่ไม่ได้ต้องการจะปิดบัง  คิดเอาไว้ว่าจะแนะนำให้รู้จักเมื่อได้พบกัน  แต่ยังไม่ทันได้แนะนำปาร์คโดฮยอนก็ชิงแสดงตัวกับคิมคิบอมเสียก่อน  และนั่นก็ทำให้คิมคิบอมโกรธเพราะคิดว่าเขาปิดบัง  ส่วนสาเหตุที่ยังไม่ได้ปฏิเสธออกไปก็เพราะเขาคิดว่าปาร์คโดฮยอนคงจะไม่เชื่อจนกว่าจะได้เจอคิมคิบอม 


                ในขณะที่เขาเองก็เคยโกรธและเสียใจที่ถูกปิดบัง  เสียความรู้สึกมากจนเลือกจะหนีหายไปซ่อนตัว  อีทงเฮรู้ตัวดีว่ายังคงจมอยู่กับภาพติดตาเหล่านั้น  แม้ภายหลังจะได้รับรู้ความจริงจนกระจ่างแล้วแต่กลับยังไม่ยอมให้กระจ่าง  ปิดใจตนเพราะไม่อยากรับฟัง  และที่ยังเจ็บหน่วงในใจทุกครั้งคือความรู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนลำบากใจ 


                ที่คล้ายคือต้นเหตุเริ่มจากการที่อีกคนยังไม่ได้บอก แต่ต่างเข้าใจว่าอีกคนนั้น ปิดบัง


                ยังไม่ได้บอก กับ  ปิดบัง   ต่างกันหรือไม่ก็ตาม....แต่การที่อีกฝ่ายได้รู้ทีหลัง  ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเหมือนกันคือโกรธและเสียใจ


                หนึ่งคนหนีหาย  ปิดตา ปิดใจ  เลี่ยงหนี  แต่อีกคนกลับเผชิญหน้า  ระเบิดอารมณ์ใส่ 


                การระเบิดอารมณ์และเอ่ยคำร้าย ๆ เหล่านั้น นอกจากจะเป็นต้นเหตุของรอยนิ้วแดงๆ ที่ต้นแขนของเขาแล้ว ยังทำให้อีทงเฮสั่นไปชั่วขณะด้วยความกลัว  กลัวว่าคิมคิบอมจะไม่ฟัง  กลัวว่าจะหันหลังให้...อย่างที่ตัวเองเคยทำ


                แต่คิมคิบอมกลับไม่เป็นเช่นนั้น   คิมคิบอมเองก็คงเสียใจไม่แตกต่าง แต่ก็ยังเลือกที่จะยืนอยู่ตรงนั้น ที่ริมระเบียงให้เขามองเห็น   หลายปีที่คบกันทำให้เขาพอเดาได้ว่าสาเหตุคนตัวโตหลบตาก็เพราะว่าน้อยใจ และที่อยู่ห่าง  พูดคุยน้อยจนแทบนับคำได้ก็เป็นเพราะกำลังควบคุมอารมณ์ไว้นั่นเอง


                ตัวเล็กยิ้มบางเมื่อคิดมาถึงตรงนี้  อย่างน้อยเหตุการณ์ร้าย ๆ ทั้งสองครั้งก็ทำให้เห็นเรื่องดีๆ  เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดคิมคิบอมจึงยังอยู่ตรงนี้  เพราะรู้ว่าเขายังไม่ปกติหรือไม่ยอมให้ห่างอย่างที่เคยบอกไว้   แต่ไม่ว่าเพราะเหตุผลร้อยแปดอะไรก็ตาม..อีทงเฮคนนี้จะถือว่ามันเป็นเรื่องดีที่เขาได้รับจากคิมคิบอม 






                ค่อนดึกแล้วแต่อีทงเฮเพิ่งจะอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จเรียบร้อย  ขาเล็กก้าวออกมาจากห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอน  กางเกงผ้าเนื้อนุ่มที่ม้วนเอาไว้ตอนที่สวมในห้องน้ำถูกปล่อยให้ทิ้งตัวลง  ขากางเกงยาวจนปิดเท้าเล็กไว้เกือบหมดถูกลากมาตามทางช้า ๆ  เมื่ออีทงเฮก้าวเดิน  เสียงเนื้อผ้าเสียดพื้นไม้แผ่วพอได้ยิน  คนตัวสูงที่นั่งอยู่ตรงประตูระเบียงชายตามามองเพียงเล็กน้อยแล้วกลับไปสนใจความมืดของหาดทรายนอกระเบียง


                อีทงเฮใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดปลายผมชื้นเบา ๆ  ขณะที่หยุดยืนนิ่งตรงกลางห้อง  สายตาจับจ้องไปยังแผ่นหลังเปลือยเปล่าของคนที่อาบน้ำก่อนเขาเมื่อหลายสิบนาทีก่อน  คิมคิบอมแทบไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่เก็บของปิดร้าน  เมื่อถึงห้องก็คว้าเอาผ้าเช็ดตัวเดินดุ่ม ๆ เข้าไปอาบน้ำ  ก่อนจะออกมาสวมแค่กางเกงขายาวแล้วนั่งขัดสมาธิพิงประตูระเบียงอยู่ที่พื้นอย่างนั้น


                ปากบางสีระเรื่อเม้มเข้าหากันด้วยเจ้าตัวกำลังขบคิด  ก่อนที่มือเล็กจะขยำผ้าขนหนูผืนน้อยในมือแล้วตัดสินใจก้าวขาไปหยุดยืนชิดแผ่นหลังกว้าง  ชะโงกมองมือเรียวยาวที่วางตรงหน้าขาแล้วพบว่าไม่มีมวนบุหรี่  ตัวเล็กจึงค่อยทรุดกายลงนั่งซ้อนหลังคนตัวโตกว่าแล้วค่อย ๆ สอดมือเข้าตรงช่องว่างระหว่างแขนและเอวสอบของคิมคิบอม


                คนถูกสวมกอดสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะทำนิ่งเฉย  ปากบางเบะนิดหน่อยเมื่อถูกเมินแต่ยังพยายามชะโงกมองหน้าคมข้ามไหล่กว้าง  คิมคิบอมไม่ยิ้ม  แต่ไม่ได้ทำหน้าบึ้งตึงอย่างเช่นตอนเช้านั่นก็ทำให้อีทงเฮคลายใจไปมาก  มากจนกล้าพอให้ตัวเล็กขยับท่าทางของตนให้นั่งได้ถนัดแล้วซุกหน้าเข้ากับสะบักหลังของคนรักพร้อมกับกระชับอ้อมแขน


                รู้สึกได้ว่าคิมคิบอมเอียงหน้ามามองเล็กน้อย  แผ่นหลังเกร็งนิดหน่อยเมื่อเขาซุกหน้าเข้าหาก่อนจะค่อยคลายออก  เจ้าของแผ่นหลังกว้างเอียงตัวใช้ไหล่ซ้ายพิงขอบประตูช้าๆ  เห็นดังนั้นอีทงเฮจึงเอ่ยเสียงแผ่วเบาพลางฝังใบหน้าลงกับเนื้ออุ่น


                “คิบอม.....ขอโทษนะ”


                “.....ขอโทษทำไม?” 


                เสียงทุ้มตอบนิ่งๆ  ไม่ห้วนแต่ไม่ทอดเสียงอ่อนอย่างที่เคยใช้กับเขาเสมอ  แต่อีทงเฮจะถือว่าการที่คิมคิบอมยอมให้สวมกอดเช่นนี้เป็นเวลาเหมาะสมที่สุดที่ควรปรับความเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง


                “ขอโทษที่ยังไม่ได้บอกเรื่องปาร์คโดฮยอน  ขอโทษทำให้นายโกรธ  ขอโทษที่หนีไปในวันนั้นแถมยังคิดไปเองโดยไม่ถามนายก่อน... แล้วก็ขอโทษที่จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่อยากได้ยินชื่อญาติของนายคนนั้นอยู่ดี”


                “อืม ช่างมันเถอะ”


                “อื้อออ ยังไงฉันก็อยากขอโทษ  แล้วก็ ... ขอบคุณนะ”


                “ขอบคุณเรื่องอะไร? 


                “ขอบคุณที่แค่โมโหแต่ไม่เดินหนีฉัน   นายโกรธฉันรู้แต่นายก็ยังไม่ไปไหน”


                “หนีไปแล้วได้อะไรไหมล่ะ? หือ?”  ตอบยอกย้อนพลางถอนหายใจให้ได้ยินจนคนนั่งซ้อนหลังทำจมูกย่นยู่เพราะโดนเหน็บเบา ๆ  ก่อนจะเอ่ยเสียงอู้อี้เพราะแนบริมฝีปากเข้ากับผิวเนื้อที่ไหล่


                “ไม่รู้ .... แต่.... แต่นายก็เคยเดินหนีฉันนะ ที่ร้านพี่จองซูอ่ะ”


                “ ...โอเซฮุน หึ.. หนีได้พ้นคืนไหมล่ะ?


                “ไม่อ่ะ ...แต่วันนี้นายก็ไม่เดินหนีก็ดีแล้วไง  อ้อ  แล้วก็ขอบคุณอีกอย่างด้วย”


                “อะไร?


                “ก็ที่ยอมเสียงานมาอยู่กับฉันแบบนี้ไง  ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรนายถึงอยู่ต่อ ทั้งที่จริงแค่มาส่งฉันก็ได้  ฉันรู้...ฉันทำให้นายไม่สบายใจ  แต่ฉันจะลืมความรู้สึกไม่ดีพวกนั้นให้เร็วที่สุด  ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก  เพราะฉะนั้น... อยู่กับฉันอีกสักพักนะคิบอม”


                “หึ...จะอยู่ให้ไล่เลยล่ะ”


                “จะอยู่ให้ไล่เหรอ? ….แล้วถ้าฉันไม่ไล่อ่ะ”  


                “ไม่ไล่ก็อยู่มันอย่างนี้แหละ....เอาไหมล่ะ?


                “เอา!!.. แล้วก็เลิกทำเสียงนิ่งๆ  ใส่ฉันด้วย  วันนี้พูดกับฉันอย่างนื้ทั้งวันเลยนะ”   รู้ตัวว่าถูกยอกย้อนอีกครั้ง แต่เมื่อคำถามเข้าทางอีทงเฮก็รีบตอบรับเสียงสูง พร้อมกับตัดพ้อคนตัวโตที่ทำหน้านิ่งเสียงเย็นชาใส่กันมาตลอดทั้งวัน  แม้จะพูดกันแทบนับคำได้ก็ตามที


                “ไม่ได้ทำ ปกติก็พูดแบบนี้”


                 “ฮื่อออ ไม่จริง  ปกตินายไม่ทำเสียงแข็งๆ  ใส่ฉันแบบนี้”  ตัวเล็กกระชับกอดแล้วมุดหน้าลงกับแผ่นหลัง


                “นี่อีทงเฮ ...ก็คนมันโมโห  มันโกรธ เข้าใจไหมนี่ยังไม่รวมที่หึงเข้าไปด้วยนะ  จะให้พูดดีกว่านี้คงยังไม่ได้หรอก” 


                “งั้นก็หายโกรธสักทีสิ  จะได้พูดกับฉันดี ๆ ... หายนะ” 


                แขนเล็กเขย่าเบา ๆ นิ้วน้อย ๆ ลูบแผ่นท้องแข็ง ๆ ของอีกคน แต่กระนั้นคิมคิบอมก็ยังทำตัวนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ  อีทงเฮพยายามชะโงกมองสีหน้าของคิมคิบอมโดยการเกยคางไว้ตรงไหล่แล้วเอียงคอมอง  แต่ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเพราะคิมคิบอมเบนหน้าหนีไปอีกทางราวกับเจตนาไม่ให้มองเห็น


                “ฮื่อออออออออออ  นะ....คิบอม”  


                เสียงแหบครางอย่างขัดใจน้อย ๆ  ตัวเล็กกระเถิบตัวเบียดเข้าไปอีก  วางหน้าผากตรงหลังคอหนาแล้วเกลือกหน้าบนผิวอุ่นแรงๆ อย่างไม่เกรงว่าตัวเองจะแสบหน้า แถมยังทำตัวดุ๊กดิ๊กไปมาอย่างคนขัดใจและไม่ยอม










                ปากอิ่มลอบยิ้มบางเบาเมื่อถูกง้อ  ว่ากันตามตรงคิมคิบอมหายโกรธตั้งแต่ถูกชวนไปชงกาแฟแล้ว  แต่ที่ยังหงุดหงิดเพราะยังหึงและหวงคนของตนเองไม่หาย  ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดในใจเพราะคาดเดาไว้ว่าต้องเจอเพื่อนของอีทงเฮคนนั้นอีกไม่รู้กี่วันต่อกี่วัน 


                แอบลอบมองคุณเจ้าของร้านเขาทำโน่นนี่อยู่ตลอดและใจเย็นลงมากเมื่อพบว่าตาเรียวคู่นั้นก็มองหาเขาอยู่เสมอ  แต่ด้วยความที่อารมณ์ยังไม่คงที่นักจึงเลือกถอยห่างออกมาเล็กน้อย  คิดเอาไว้ว่าหากได้พักผ่อนเต็มที่อีกสักคืนใจคงดีขึ้นและพร้อมรับมือกับลูกค้าประจำที่หวังจีบแฟนเขาคนนั้น  แต่แขนเล็ก ๆ เย็นๆ ที่แอบย่องมาสวมกอดกัน.... คงทำให้หมอกขุ่น ควันเทาในใจจางลงเร็วกว่าที่ควร


                จับมือเล็กที่เกาะกันเหนียวหนึบแล้วแกะออกเบา ๆ เสียงแหบของคนที่แปลงร่างเป็นตัวอะไรบางอย่างเกาะหลังครางอย่างขัดใจในลำคอทันทีเมื่อโดนแกะอ้อมกอด  คิมคิบอมกางแขนเล็กออกพอให้ขยับตัวได้ก่อนจะหมุนกายกลับมาสบตาเรียวสีน้ำตาลสวย  อีทงเฮจ้องรอเขาอยู่แล้วอย่างขัดใจ....ปนขัดเขิน  เห็นดังนั้นเขาจึงจับมือเล็กให้กอดเข้าที่เอวของเขาอีกครั้งแล้วสวมกอดอุ่นๆ กลับไปเพื่อตอบแทน


                “ฮื่ออออออ..” 


                เสียงแหบครางในลำคออีกครั้ง หนนี้ฟังแล้วยากจะเดาว่าพอใจหรือยังขัดใจอยู่  แต่คิมคิบอมไม่ได้สนใจแล้วในนาทีนี้เพราะกำลังดีใจที่อีกคนร้องขอให้อยู่ต่อ  ขุ่นมัวในความคิดโดนสายลมเย็นเอื่อยๆ โชยกลิ่นไม้ดอกเล็กหอมอ่อนหอบพัดหาย   โกรธที่เคยบีบอยู่ในใจราวกับโดนมือเล็กๆ ของอีทงเฮไปจับให้คลายออกอย่างอ่อนหวาน  


            “จะอยู่ให้ไล่”


            “แล้วถ้าฉันไม่ไล่”


            “งั้นก็อยู่มันอย่างนี้แหละ..เอาไหม?


            “เอา”


            หัวเราะในลำคอพลางส่ายหน้าไปมาเบา ๆ  อีทงเฮนะอีทงเฮ ตอบมาแบบนี้แล้วจะให้เขาไปไหนได้อย่างไรกัน  ในเมื่อสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด...ก็คือการได้อยู่ข้าง ๆ อีทงเฮ


                 แต้มจุมพิตที่หน้าผากเกลี้ยงเกลาด้วยแรงรัก  ละเลียดลากริมฝีปากกับเปลือกตาบางที่พริ้มรับรออยู่ จมูกโด่งสวยได้รูปเชิดรอรับรอยจูบนุ่มนวล   เอียงแก้มนุ่มหนีเล็กน้อยแต่ก็ยอมให้สูดดมกลิ่นหอมชื่นใจ  


                ปากบางเผยอน้อยรับลิ้นอุ่นด้วยความเต็มใจ  จูบกี่ครั้งก็ยังหวานและยังคงหวามไหวเสมอ  จะไล้จูบแผ่วเบาหรือจูบลึกซึ้งก็หวานล้ำไม่แตกต่าง  ยิ่งดูดดึง  ยิ่งตอบรับด้วยลิ้นเล็กอุ่นชื้น ตวัดกลืนกินอย่างคนรู้ใจกัน


                นิ้วเล็กๆ ไต่เลาะที่แผ่นหลังก่อนขยำแล้วจิกผิว  มือน้อยซุกซนกว่าวันวานนักเพราะแอบกดปลายนิ้วไปทั่วจนบางความรู้สึกของคิมคิบอมเล่นปราดผ่านสะดือลงต่ำ  มือเรียวจึงสอดฝ่ามือใต้เสื้อยืดเนื้อนุ่มช้าๆ  เพื่อสำรวจหาความอุ่นนุ่มแสนยวนใจ


                อีทงเฮเป็นผู้ชายแต่ไม่มีเส้นขนแข็งให้ระคายมือ  อีทงเฮมีผิวที่ขาวเนียนเพราะเจ้าตัวหมั่นบำรุงผิวอยู่เสมอ เนื้อเรียบตึงอย่างชายหนุ่มที่ออกกำลังเป็นประจำจากกิจวัตรที่ทำอยู่  กล้ามเนื้อเล็ก ๆ ทั่วร่างของอีทงเฮจึงตึงกระชับสมตัว ดูสุขภาพดี  ทว่าไม่แข็งกระด้าง กลับนวลเนียนดึงดูดให้สัมผัสไม่รู้เบื่อ


                ซุกหน้าคมดูดชิมผิวคอหอมอ่อน   แว่วเสียงแหบครางแผ่วจนอยากซุกหน้าแนบหูฟังอยู่ซ้ำ ๆ  ยิ่งฟังเสียงแหบครางอย่างอดกลั้นก็ยิ่งได้ใจ  ลากผิวฟันกัดชิมน้อย ๆ จนกายเล็กสะดุ้งไหวในอ้อมอกเขา ไล่สัมผัสหนักบ้างสลับเบาก่อนกด บดบี้ที่เม็ดน้อยกลางแผ่นอกขาวจนสู้มือ


                “อืออออออ คิบอม”


                “................”


                “หาย..อ่ะ  .. หายโกรธแล้วใช่ไหม?....  อื้ออออ”


                มือเล็กเปลี่ยนมาขยำหัวไหล่ก่อนจะเปล่งประโยคคำถามแทรกเสียงครางตนเองอย่างยากลำบาก  ปากอิ่มลากช้า ๆ จากแอ่งชีพจรที่เต้นตุบตับเพราะเลือดในกายสูบฉีด จนมาถึงริมฝีปากแดงฉ่ำรสหวาน  กดจูบลึก แทรกลิ้นร้อน กวาดต้อนจนอ่อนยวบยาบ  จึงตอบคำถามทั้งที่ริมฝีปากยังสัมผัสกันอยู่อย่างนั้น


                “หึ....ยัง”


                “ยังได้ไงอ่ะ... ยังแล้ว... อื้อออ ทำไมอ่ะ?


                “ก็ตามน้ำไง ...นายจะง้อฉันไม่ใช่เหรอ”


                “ปะ.. เปล่า...” 


                “จุ๊บ.. ไม่ได้ง้อหรอกเหรอ จุ๊บ..ก็เห็นมาแอบกอดกัน ก็นึกว่าอยากง้อ”  แต้มจูบเวียนวนทั่วหน้าเรียวสวยที่หลงรักหนักหนา


                “ฉันแค่อยากขอบคุณ.. อ้ะ!   อย่าแรงสิ เจ็บ”   มือเล็กคว้าเอามือใหญ่ที่กำลังบดบี้จุดเล็ก ๆ อย่างเพลิดเพลินไปกำไว้แน่นก่อนจะตัดพ้อเขาด้วยแววหวามคลอหน่วยตาเต็มเปี่ยม


                “เจ็บแล้วไม่ชอบเหรอ  ตกลงว่าไม่ง้อแน่นะ”  ตาคมหลิ่วน้อยล้อเลียน  ท่าทางคำว่าชอบของคิมคิบอมจะแปลความหมายได้หลายอย่างจนคนตัวเล็กเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นอารมณ์ชวนขนเส้นอ่อนลุกเกรียวทั้งร่างเพราะแรงบี้หยอกเอิน ยั่วเย้าที่จุกน้อยสลับเค้นคลึงแผ่นอกขาวจนเผลอแอ่นกายสู้มือ


                “ฮื่อออออออ...ไม่ง้อ  ไม่ง้อแล้ว”  ทำเสียงขัดใจให้รู้ว่าไม่ชอบที่โดนล้อ  ปากล่างเชิดใส่พลางปัดมือของอีกคนทิ้งไปเพื่อไม่ให้ประกอบกิจใดต่อ


                คิมคิบอมจ้องเข้าไปในหน่วยตาสีน้ำตาลที่เริ่มฉายความต้องการผ่านน้ำใสคลอหน่วย  แต่ปากบาง ๆ ที่เชิดและเม้มแน่น หลังปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ง้อ ก็ทำให้คิมคิบอมรู้ในทันทีว่าอีทงเฮปากแข็งอีกเช่นเคย


                “แน่ใจ?


                “................”  


                “ได้... . ฉันไม่เป็นไรหรอก ปล่อยฉันไว้แบบนี้แหละ  พรุ่งนี้ก็หายเอง”


                มองข้ามปากเบะ ๆ นั้นแล้วผละออกมานั่งหันหน้าออกสู่ระเบียง หันหลังให้คนตัวเล็กหน้าคว่ำด้วยท่าทีเรียบ ๆ  ราวกับไม่รู้สึกอะไรกับบางกิจกรรมที่เริ่มต้นไปแล้วและไม่สานต่อ  เดือดร้อนคนปากแข็งแต่ขี้อายต้องพึมพำอะไรอยู่กับตัวเองอยู่อีกสักพัก  ก่อนจะค่อย ๆ  กระเถิบตัวเองมานั่งข้างๆ แล้ววางหัวกลมๆ ของตนเองลงบนหัวไหล่  สอดปลายนิ้วเข้าเกาะเกี่ยวมืออีกคนไว้  กระชับมือที่จับกันให้แน่นก่อนบ่นอุบอิบพอให้อีกคนได้ยิน


                “รู้ว่าอายแล้วจะให้พูดทำไมบ่อย ๆ ล่ะ... นี่คิบอม... ง้อแล้วนะ” 


                “หึ.. ”


                “เหมือนเดิมได้แล้วนะ”


                “อยากให้หายโกรธเลยไหมล่ะ?... เอาแบบว่าไม่โกรธเรื่องไอ้บ้านั่นอีกเลย... เอาไหม?


                “ได้เหรอ?


                “ได้สิ ... ง่ายนิดเดียว”


                “ทำไงอ่ะ?” 


                ตาเรียวช้อนมองด้วยความสงสัย  จะบอกว่าไม่รู้เลยก็คงไม่ใช่เพราะแก้มเนียนขึ้นสีแดงก่ำจากการคาดเดาไปแล้วล่วงหน้า 


                “ทำต่อทีสิ.. แล้วต่อไปฉันจะไม่โกรธ ไม่สนใจเรื่องไอ้บ้าที่มาจีบนายอีกเลย”









                “ไหวป่ะ?


                “อย่ามาดูถูกกันนะ!


                “เปล่าเลย ก็เห็นเฉย ๆ นึกว่าไม่ไหว”


                “ฉันก็ผู้ชายนะคิมคิบอม”


                “รู้.... รู้ดีเสียยิ่งกว่าใครเลยล่ะ  ว่านายเป็นผู้ชาย” 


                ถ้าพูดเฉยๆ  ก็คงไม่ได้ทำให้รู้สึกอะไร  แต่อาการหลิ่วตากวาดมองตั้งแต่หน้า คอ อก แล้วลงต่ำ นี่พาให้อีทงเฮอยากเอาหัวมุดอกแข็ง ๆ นั่นเสียให้รู้แล้วรู้รอด


                ก็พอจะเข้าใจนะ ว่าทำไมคิมคิบอมถึงได้ถามว่าไหวไหม  ตั้งแต่ตวัดขานั่งคร่อมอีตาทนายหน้านิ่งที่เหยียดขาทำท่าทางสบายใจเอามือเท้าพื้นไว้รออยู่นานสองนานแล้วเขาก็ยังไม่เริ่มทำอะไรสักอย่าง  พูดกันด้วยความจริงก่อนจะคบกับคิมคิบอมอีทงเฮเองก็เป็นผู้ชายธรรมดาที่ไม่เคยสนใจผู้ชายด้วยกัน แต่ไม่ได้ต่อต้านเพราะความรักแบบนั้นรายล้อมอยู่รอบตัวเขาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นพี่จองซูกับพี่หมี  หรือพี่ประธานที่ตามจีบเพื่อนไก่  อีทงเฮเป็นผู้ชายที่มอง พูดคุย และคบหากับหญิงสาวในระดับหนึ่ง  แต่ก็เพียงเท่านั้น  ไม่ได้คบหาลึกซึ้ง  อาจเพราะภารกิจที่แสนวุ่นวายในชีวิตประจำวันจึงทำให้มองข้ามความรักแสนหวานของวัยรุ่นไป  ดังนั้นคนที่ทำให้อีทงเฮรู้จักความสัมพันธ์เกินเลยชิดใกล้เช่นนี้จึงมีแค่คิมคิบอม 


                อีทงเฮเคยบ่นเสมอว่าไม่ชอบตัวเองเอาเสียเลย  ไม่ชอบที่ต้องเขินอายและควบคุมตัวไม่ค่อยอยู่  ไม่ชอบที่คิมคิบอมเอาอกเอาใจ  แสดงท่าทีทะนุถนอมราวกับเขาเป็นหญิงสาวบอบบาง  เคยไม่ชอบ...แต่เมื่อถึงวันหนึ่งที่เคยชินกับสิ่งเหล่านั้น  ได้ปรับตัวเข้าหากันจนคุ้นชินถึงจุดหนึ่งที่รู้สึกอบอุ่นและสุขใจเมื่อรับการเอาใจใส่ดูแล


                จนถึงวันนี้อีทงเฮยังคงมั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้ชายธรรมดา หญิงสาวหน้าตาน่ารักยังคงเรียกสายตาจากเขาได้มากกว่าชายหนุ่มหน้าตาดีอยู่เสมอ  ใครหลายคนที่เข้ามาแสดงความสนใจอย่างออกนอกหน้าหรือแอบๆ มา เขารับรู้แต่ไม่เคยคิดเป็นอื่น  ดังนั้น.. อีทงเฮจึงยังเชื่อมั่นว่าตนยังคงเป็นผู้ชายธรรมดา ................ยกเว้นก็แค่เวลาที่อยู่กับคิมคิบอม


                “คิดอะไรอยู่?


                เสียงทุ้มถามเรียกสติให้อีทงเฮกลับมาเผชิญเหตุการณ์ตรงหน้า  เหตุการณ์ที่ว่าตัวเขาเองเป็นคนก้าวขาคร่อมแล้วทิ้งตัวนั่งอยู่บนหน้าขาแข็งๆ ของคนที่จับจ้องเขาอยู่   คิมคิบอมเอนกายไปทางด้านหลังใช้มือหนึ่งข้างค้ำพื้นเอาไว้ ส่วนอีกข้างส่งมาลูบต้นขาเขาเบาๆ  ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  แต่อะไรก็ไม่อายเท่าหน่วยตาดำสนิทที่ไล้ไปทั่วกายเขา ราวกับใช้สายตาแทนมืออุ่นๆ สัมผัสไปทั่วทั้งตัว


                “เปล่า.. ไม่ได้คิด” 


                ตอบเสียงแข็ง ๆ  พลางเริ่มใช้ปลายนิ้วแตะแล้วลากลงไปบนแผ่นท้องที่ขึ้นลอนน้อย ๆ เมื่อเจ้าตัวเกร็งรับก่อนดันตัวขึ้นตรง  อีทงเฮใช้มือผลักอกแน่นๆ เบา ๆ เพื่อให้อีกคนเอนลงไปอยู่ตำแหน่งเดิมก่อนจะค่อยๆ ลากปลายนิ้วขึ้นสูงสลับกับลอบสังเกตสีหน้า


                “ไม่ได้คิดแต่ทำหน้ายับ คิ้วยู่... นายคิดว่าฉันดูไม่ออกเหรอ”


                “จะให้ทำก็อยู่เฉย ๆ สิ!”  แน่นอนว่าคนอย่างอีทงเฮ  เมื่อโดนรู้ทันก็ต้องเหวี่ยงบ้าง... และแน่นอนว่าคิมคิบอมเองก็ดูออกอีกแล้วเช่นกัน


                “หึ....”


                “นาย.. ช.. ชอบแบบไหนอ่ะ?” 


                กลั้นใจถามแล้วต้องรีบกัดฟันฉับ  ด้วยความสัตย์จริงตั้งแต่คบกันและเกินเลยมาหลายปี อีทงเฮแทบไม่เคยรู้เลยว่าคนรักชอบหรือต้องการแบบไหน   ที่ผ่านมาคิมคิบอมเป็นฝ่ายปรนเปรอ เอาอกเอาใจ  และเขาเองก็เขินอายเกินกว่าจะลืมตา ได้แต่ปล่อยให้กาย ความรู้สึก และสัญชาตญานชักพาตามแรงชักจูงจนถึงปลายทางเสมอ


                “นายชอบแบบไหน ฉันก็ชอบแบบนั้นแหละ” 


                ตอบนิ่ง ๆ แต่ติดรอยยิ้มที่มุมปากพอน่าหมั่นไส้  ยิ้มนี้เองที่ทำให้อีทงเฮมั่นใจว่าคิมคิบอมหายโกรธแล้วเป็นปลิดทิ้งแต่ยังยืนยันจะให้เขาเป็นฝ่ายเอาใจมากกว่า  ตัวเล็กขบฟันเข้ากับริมฝีปากล่าง สูดลมหายใจเข้าแล้วค่อย ๆ โน้มตัวลงช้าๆ  ก่อนจรดริมฝีปากลงกับแผ่นเนื้อตึงแน่นฝั่งซ้ายที่มีหัวใจของบางคนเต้นอยู่


                กายใหญ่เกร็งรับสัมผัสทันทีจนกล้ามท้องขึ้นเป็นลูก  แผ่นอกแข็งแน่น  ตัวเล็กโน้มแนบแตะจุมพิตทั่วแผ่นอกซ้าย ก่อนค่อย ๆ  กดจมูกสูดกลิ่นผิวโชยกลิ่นครีมอาบน้ำที่ผสานเข้ากับกลิ่นกายจนเกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว... กลิ่นอุ่น ๆ หอมลึก ๆ ของคิมคิบอม


                “อืมมมม”  เสียงทุ้มครางเบาๆ  ให้อีทงเฮย่ามใจว่ามาถูกทาง  ก่อนแลบปลายลิ้นน้อยแตะตุ่มไตแล้วกดจูบ ดูดดึง


                มือใหญ่โอบไหล่ลาดแล้วไล้มือนอกเสื้อนอนช้า ๆ  กายหนาค่อย ๆ เอนหลังลงกับพื้น  อีทงเฮรับรู้โดยสัมผัสว่ามือทั้งสองข้างของคิมคิบอมลูบอยู่ที่แผ่นหลังและต้นขา  ตัวเล็กยังลงลิ้นที่จุดบนอกจนแข็งขืน  ก่อนจะเริ่มจูบและดูดผิวเนื้อหน้าอกอย่างตั้งอกตั้งใจจนอีกคนหัวเราะในลำคอ


                “หึ....ทำอะไรอยู่?


                “ทำสัญลักษณ์” 


                หน้าเรียวสวยยังง่วนอยู่กับแผ่นอก  บ่อย ๆ ที่ลิ้นอุ่นไถลไปโดนจุกบนอกทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจจนคิมคิบอมสะท้าน  แต่ก็ยังปล่อยให้อีทงเฮทำตามใจต้องการพลางใช้มืออีกข้างลูบผมนุ่มเบา ๆ


                “ไหนแต่ก่อนบอกว่าไม่ต้องทำไง  ไหนเคยบอกว่ารู้แล้วว่าเป็นของใคร”


                “ก็รู้แล้ว.. รู้มานานแล้ว  แต่อยากทำ  คนมีรอยจะได้จำขึ้นใจบ้างไง”


                “ทงเฮ.... ทงเฮ.....”


                “ฮื่อออออ”


                “ถึงนายไม่ทำ ฉันก็จำได้ขึ้นใจอยู่แล้ว... มันเป็นของนาย... เป็นมาตั้งนานแล้ว”


                จับต้นแขนแล้วดึงจนคนตัวเล็กกว่าเลื่อนสูงขึ้นมาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน  ดึงขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้คนที่คร่อมอยู่ด้านบนยั้งน้ำหนักไม่ทันจึงแนบกันไปทุกสัดส่วน  สัมผัสที่แนบชิดตั้งแต่แผ่นอก แผ่นท้อง  สะดือ และที่ต่ำกว่า ทำให้หน้าใสร้อนวูบ  ปากอิ่มแต้มจูบกับปากบางที่ลอยอยู่ตรงหน้าเบา ๆ สองสามครั้งก่อนร้องขอ


                “จูบหน่อยสิ..ทงเฮ”


                แนบริมฝีปากที่เริ่มขึ้นสีอย่างนุ่มนวล  ปากบาง ๆ ค่อยไล้เลาะเล็มปากอิ่มที่รออยู่  ปลายลิ้นน้อยแตะแผ่วเวียนวนก่อนค่อยหย่อนลิ้นตนตามทางที่คนอีกคนเผยอรอ 


                เสียงต่ำ ๆ ครางฮึมฮำในลำคอไม่หยุด  มือใหญ่ปัดป่ายทั่วแผ่นหลัง สอดรั้งเสื้อจนเลิกขึ้นสูงแต่ยังไม่ยอมดึงถอด  ยิ่งลิ้นเล็กพยายามตามติดลิ้นชื้น มือใหญ่ก็ยิ่งกดแผ่นหลังให้แผ่นอกแนบ  ขายาวยกตั้งฉากกับพื้นตามคลื่นอารมณ์ที่หมุนแรงขึ้นในช่องท้อง


                “อืมม...ทงเฮ”


                มือเล็กๆ ที่อุ่นจากการสัมผัส ค่อยลูบไล้ไปทั่ว  นิ้วเล็ก ๆ แต่ร้ายใช่ย่อยเพราะอีทงเฮแอบคลึงเนื้อผิวจนคิมคิบอมหวิวลึกและร้อนวาบ


                “อื้อออ...” 


                ตัวเล็กผละจูบจากริมฝีปากพร้อมดวงตาปรอยปรือ  ปากบางเจ่อแต้มจูบเอื่อยที่ปลายคางก่อนค่อยไต่ตามแนวกรามจนถึงใบหู  ฟันซี่เล็กกัดติ่งหูเบา ๆ จนกายหนาเกร็งสะท้าน  เสียงแหบ ๆ  ขำคิกในลำคอเบาคงเพราะถูกใจปฏิกิริยาของเขานั่นเอง


                แม้จะเป็นฝ่ายถูกปรนเปรอมานานแต่สัญชาติญาณในตัวอีทงเฮยังมีอยู่เต็มเปี่ยม  หากตัดความเขินอายจนริมฝีปากสั่น ๆ ไปแล้วอีทงเฮอาจร้อนแรงอย่างเหลือเชื่อ  แม้ว่าคนตัวเล็กกำลังมุ่งมั่น เดินตามรอยที่เขาเคยทำให้แต่คิมคิบอมก็รู้สึกดีจนแหงนหน้าเปิดทางให้อีกคนทำตามใจพลางปล่อยลมหายใจที่อัดแน่นในปอดออกเฮือกใหญ่  ก่อนจะเกร็งรับอีกครั้งเมื่อปากนิ่ม ๆ ชื้น ๆ  ไต่ผ่านแผ่นอก  แผ่นท้อง ลงต่ำจนเกือบถึงสะดือ


                มือเล็กลูบวนแถวขอบกางเกงนอน  ปลายนิ้วสั่นจนรู้สึกได้ชัดแต่ก็ยังพยายามเดินหน้า  อีทงเฮเรียนรู้ที่จะใช้ริมฝีปากกดจูบ ปลายลิ้นแตะไล้ในบางครั้งอย่างที่เคยได้รับ และในจังหวะที่มือน้อยจับหมับเข้าที่ขอบยางยืดคิมคิบอมก็คว้ามือเอาไว้พร้อมกับยกใบหน้าขึ้นทันที


                “เดี๋ยว..ทงเฮ”


                “อ่ะ.. ทำไมอ่ะ ไม่ชอบเหรอ”  เอียงคอถามทั้งใบหน้าแดงก่ำ  นี่คงอายเหลือกำลัง ดูน่ารักน่าเอ็นดูนักแต่คิมคิบอมจำต้องหยุดก่อนจะไกลเกินหยุดยั้งไปมากกว่านี้


                “ชอบ... เก่งนะ..แต่ฉันยังไม่อยากโป้ตรงนี้”


                “หือ?”  ตัวเล็กลุกขึ้นนั่งตรงกลางขายาวที่แยกออกด้วยสีหน้างุนงง  คิมคิบอมที่ดันตัวขึ้นนั่งตรงแล้วโน้มหน้ามากดจูบเบาๆ พลางจับมือเล็ก ๆ เขย่าๆ


                “นี่มันระเบียง  ไม่รู้มีใครอยู่ตรงหาดหรือเปล่า... เราไปต่อกันข้างในห้องดีกว่านะ”

               



                หวังจะเห็นคุณเจ้าของร้านกาแฟเป็นผู้นำอยู่หรือเปล่า?


                หากยังอยู่ที่เดิมตรงริมระเบียงโดยที่คุณทนายไม่ทักให้อายก็อาจเป็นไปได้นะ  แต่หลังจากโดนทักไปแล้วหน้าใสก็หันซ้ายขวาเลิกลั่ก ก่อนจะรีบลุกทำหน้าตาเหรอหรา พึมพำพอได้ยินว่า “ตายล่ะ..มีใครเห็นหรือเปล่า” แล้ววิ่งปรู๊ดไปทิ้งตัวบนเตียงตลบผ้าห่มคลุมตัวจนมิดทิ้งให้คิมคิบอมต้องปิดประตูลงกลอน  เดินไปปิดไฟห้อง(ที่เมื่อครู่สว่างโร่) ก่อนเดินตามมาสอดตัวใต้ผ้าห่มแล้วสวมกอดคนที่นอนขดกลมจากทางด้านหลัง


                “ทิ้งกันเลยนะ”


                “อายอ่ะ.... นี่ยังไม่ดึกเลย ถ้ามีใครมาเดินเล่นแล้วผ่านมาเห็นนะ แย่แน่เลย”


                “คงไม่มีหรอก  หรือถ้ามีก็ไม่เป็นไรหรอก ยังไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย”


                “ไม่ได้ทำอะไรได้ไงอ่ะ  นี่ฉันนั่งคร่อมนายไปแล้วนะ”


                มือเล็กตวัดผ้าห่มที่คลุมหัวออกก่อนเอี้ยวหน้ามาตอบด้วยเสียงขุ่น ๆ  “เพราะนายแหละ ให้ฉันทำอะไรก็ไม่รู้”


                “ก็อยากให้ทำให้นี่นา”


                “ถ้าคนแถวนี้เอาไปบอกพ่อกะแม่ จะทำยังไงอ่ะ”


                “ก็บอกว่าแสดงความรักกัน... ไม่เห็นยากตรงไหน”


                “พูดง่ายอ่ะคิบอม”  เสียงเขียวและคาดว่าหน้าคงมุ่ยแต่คิมคิบอมมองไม่เห็นเพราะยังกอดจากด้านหลังอยู่  คนตัวโตกว่าจึงกระชับก้อนกลมในอกเข้าหาตัวก่อนกดจมูกสูดกลิ่นที่ไหล่ลาด


                “ไม่คุยแล้ว...ต่อกันนะ”


                “ฮื่อออออ... ไม่เอาแล้ว”


                “ฮ่าๆ  ปิดประตูแล้ว ปิดไฟแล้ว”


                เพราะเสียงทุ้มเผลอหัวเราะดัง  หน้าเรียวจึงเอี้ยวมามองพลางทำปากยู่ใส่.... เห็นดังนั้นคนตัวโตกว่าจึงเป็นฝ่ายพลิกอีกคนให้หงายแล้วเป็นฝ่ายคร่อมไว้เสียเอง


                “หยุดไม่ได้แล้วล่ะ... นายก็รู้”









                ผิวขาวเนียนเรืองรองในแสงส้มของโคมที่มุมห้อง  หน้าสวยเอนแนบไปกับที่นอนนุ่มสีครีมค่อนขาว  นิ้วเล็กจิกไหล่หนาด้วยเสียวซ่านที่ได้รับ  เสียงแหบครางลอดริมฝีปากบางเมื่อได้รักปรนเปรอ  เรือนผมสีดำสนิทเคลียคลอต่ำ  ปลายผมขยับแตะต้องผิวเนื้อต้นขาขาว  เสียงจ๊วบจ๊าบดังแทรกเสียงทุ้มครางต่ำ  เอวบางบิดเบี้ยว สะโพกขยับไหวตามแรงชักจูง


                “อื้ออออ”


                กัดฟันแน่นแต่เสียงครางก็ยังลอดผ่านไรฟันเพราะเกินจะยั้งอยู่   แรงชักพาที่อีกคนกำลังเสนอให้ทำเอาหัวใจเต้นกระหน่ำ  ช่องท้องบิดมวน เสียวซ่านจนขนลุกเกรียว เจ็บลึกแต่สุขเกินจะปัดป้องทิ้ง  เสียดจากการเตรียมพร้อมบางส่วนจากกายใหญ่ที่เบียดแทรกกลางให้ท่อนขาแยกออกห่างกำลังทำให้อีทงเฮแทบคลั่งตาย


                อารมณ์ของคิมคิบอมเองกำลังพุ่งทะยานไม่แตกต่าง  แว่วเสียงกัดฟันกรอดแทรกมาบางครั้งทำให้รุ้ว่าคิมคิบอมต้องอดกลั้นมากแค่ไหน  แต่กระนั้นก็ยังคงควบคุมอารมณ์  เล้าโลม และเตรียมความพร้อมให้เขาอย่างเนิบนาบเชื่องช้า  แทรกสลับกับปรนเปรอให้ซ่านลึกจนกายสั่นและผวาจนเหมือนตัวแทบไม่ติดเตียง


                “อื้อออ... มะ จะไม่ไหวแล้ว” 


                เสียงแหบเอ่ยสั่นก่อนจะคว้าหมับที่ท้ายทอยหนา  แทรกปลายนิ้วขยำเรือนผมสีดำไม่เบาแรงแต่คิมคิบอมก็ยังเคลื่อนไหวไม่หยุด  แอ่นเอวลอยคว้าง กำแน่นจิกเล็บสั้นเข้ากับมือแข็ง ๆ ที่คลึงเน้นบั้นเอวและเนื้อนุ่ม  เผยอปากหายใจฮุบอากาศเฮือกสั้น ๆ แอ่นโค้งจนปวดหลังแต่ความเสียวซ่านก็ยังไม่ลดลงแม้แต่นิด 


                เสียด  คับ  ทว่าร่างกายกลับตอบรับด้วยเส้นประสาททั่วร่างพร้อมกันทำงานจนคล้ายร่างกายฟูฟ่อง  อีทงเฮตอบรับจังหวะถี่ๆ ของความอุ่นชื้นที่ครอบครอบรูดรั้งด้วยการเคลื่อนสะโพกตามที่ถูกชักนำ ก่อนแตะถึงแสงสว่างวาบที่ปลายอุโมงค์ด้วยปากเม้มเน้นกลั้นเสียงครางยาว


                น้ำร้อนหยดเล็กไหลผ่านหางตาเมื่อบางสิ่งถูกปลดปล่อยพ้นร่างและรู้สึกวูบวาบจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์รื้นในอกได้  อารมณ์พุ่งทะยานพากายสะท้านหวามกระตุกถี่เมื่อคว้าถึงความสุขสันต์   นิ้วยาวยังนวดเนิบตามเนื้อตัวและต้นขา  ปากร้อนยังเก็บซับร่องรอยตามผิวเนื้อมิได้หยุด   กายบางจึงกระตุกอยู่เช่นนั้นเพราะอีกคนยังเพียรเอาใจด้วยสัมผัสหวานราวกับต้องการรั้งให้ความสุขอยู่กับเขาเนิ่นนานจนอิ่มหนำจึงค่อยผ่อนกายลงกับที่นอน


                “อ๊ะ  อ๊ะ  ....ฮื่ออออ  อื้อออออ คิ คิบอม.... อื้ออออออ......”


                “ทงเฮ..” คล้ายเสียงทุ้มเรียกอยู่ไกลทั้งที่จริงกระซิบอยู่ชิดกับเนื้อผิว  นิ้วแข็งๆ เคลื่อนคลึงแผ่นอกที่ยังคงยวบไหวอย่างแรงเพราะยังโกยอากาศอยู่


                “ฮื่ออออ... “


                “ทงเฮ” 


                รู้ว่าเรียกแต่ไม่อาจขานรับ  กายหนาที่ร้อนจัดจึงเลื่อนขึ้นมาคร่อมทับโดยที่กายส่วนล่างยังคงแนบทาบทับอยู่กลางเรียวขาขาวที่อ่อนเปลี้ยไร้แรงควบคุม  ลิ้นร้อนฉกชิมทั่วจุกน้อยเต่ง  แผ่นอกตึง  บดเบียดความต้องการที่ร้อนราวจะระเบิดให้รับรู้พลางลากลิ้นดูดกลืนผิวเนื้อไม่เบา 


                รู้สึกถึงฟันคมขบเบา ๆ ที่หัวไหล่  ยกมือขึ้นดันที่คางที่เต็มไปด้วยไรหนวดและกำลังซุกไซ้หนักจนเขาแทบหายใจไม่ออก 


                “ฮื่อออ ขอพักแป้บนึง”  ออกแรงดันด้วยมือเปลี้ย ๆ แต่นอกจากไม่ได้ผลแล้วยังถูกรวบมือไปคล้องที่ต้นคอ


                “หึๆ”


                เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอแทนคำตอบว่าไม่ยอมให้พัก จนคนขอได้แต่จิกปลายนิ้วเข้าที่หลังพลางเผยออ้าปากเร่งโกยอากาศแถมตาละห้อยอีกนิดเผื่อว่าจะเห็นใจ   มือใหญ่ละจากอกนุ่มที่เวียนบดคลึงปลุกเร้ามาประกองแก้มนุ่ม  ใบหน้าคมโน้มมอบจูบลึกล้ำ กวาดต้อนทุกหยาดหยดหวานล้ำในโพรงปากเล็กเพื่อยืนยันว่าอีกครั้งว่าเขาจะไม่ได้พักมือเล็กจึบทุบเข้าที่ไหล่  กวาดต้อนทุกซอก ไล่ตามลิ้นเล็กก่อนตวัดหยอกล้อ แล้วดูดปลายลิ้นซ้ำ ๆ  จนมือเล็กหยิกกำเนื้อแน่น  เสียงหายใจฟืดฟาดผ่านความใกล้ชิดที่ยังเอียงใบหน้าเพิ่มพื้นที่สัมผัสจนอีทงเฮแน่ใจว่าต้องขาดใจแน่ๆ  ปากร้อนจึงยอมผละออกไปอ้อยอิ่งชิมเนื้อที่ปลายคางแทน


                “ฮื่ออออ... เอาแต่ใจ!


                “เพิ่งรู้เหรอ”


                ตอกย้ำความเอาแต่ใจโดยไม่ละอายด้วยการลากมือลงไปแตะด้านในท่อนขาที่หนีบสะโพกสอบแน่นแล้วกางออกจัดแจงท่าทาง  คนที่บอกขอเวลาพักครางรับความคับแน่นที่เกิดขึ้นพร้อมหงายหน้าเริ่ด ขบริมฝีปากแน่น


                “อืมมม ทงเฮ” 


                ด้วยการเตรียมพร้อมอย่างอ่อนโยนและเข้าใจจึงทำให้อีกคนรองรับตัวตนได้ดีโดยไม่เจ็บปวด  แม้ไม่เจ็บปวดแต่ยังอึดอัดและจุกอยู่บ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้  หน้าคมแดงก่ำด้วยอารมณ์พร้อมพุ่งทยานทว่ายังคงเอาอกเอาใจ  ปากร้อนครอบอกขาวสะกิดหยอกเย้าตุ่มไต ไล้ปลายลิ้นมอบความหวามจนเริ่มผ่อนคลายแล้วแทนที่ด้วยอีกอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


                ต่างคนต่างพร้อม ต่างสบตาต่างเข้าใจและเริ่มต้น  สะโพกสอบเริ่มเคลื่อนเพื่อมอบและตักตวงความสุขล้ำ  ความเจ็บปวดมีน้อยความสุขจึงมากมายจนสมองเบลอพร่า  คล้ายตกลงในห้วงเสน่หาอีกครั้ง และอีกครั้งจนยากจะถอนตัว  

                ต่างเรียนรู้ ต่างตอบรับ ความเป็นกันและกันมานาน  นานจนจำได้ทุกจุดสัมผัสทั่วเรือนกายแต่ไม่ทำให้การสานสัมพันธ์รักจืดจางลงแม้สักนิด   ตรงข้ามต่างลูบวน แตะนิด แต้มหน่อย เพิ่มอารมณ์ซ่าน  ทวีความร้อนเร่าด้วยวิธีที่ถูกอกถูกใจ  ทุกการขยับ ทุกจังหวะเคลื่อนไหว ถาโถม สอดคล้องเป็นจังหวะเดียวกัน


                ตัวเล็กบิดกายเร่า เลี้อยกายฝังหน้าแนบ  เรือนผมน้ำตาลเข้มเปียกชื้นสยายบนผ้าปูสีอ่อน  พรายหยดน้ำเกาะหน้าผากนูนเกลี้ยง  ขมับ  จนถึงจมูกโด่งพราว  หยดน้ำร้อนจากจมูกโด่งคมก็ทิ้งตัวลงบนอกขาวเช่นกัน


                “อ่า.. ทงเฮ”


                มือเล็กปัดป่ายดันแผ่นอกกว้างก่อนดันตัวขึ้นเมื่ออีกคนเร่งจังหวะ  มือร้อนสอดรัดเอวบางประคองแผ่นหลังแล้วสวมกอด  มือเล็กกำหมับที่บั้นเอวหนาแล้วขยำตามห้วงอารมณ์ที่อีกคนโถมใส่  ไอร้อนของลมหายใจโลมเลียผิวกายจนยากจะแยกแยะที่มา


                “ทงเฮ... ทงเฮ“


                “อ้ะ  อ้ะ.... อื้อออออ”


                ลึกล้ำ ดำดิ่ง  สาดซัดราวเกลียวคลื่น  แรงโหมดั่งลมเสริมให้คลื่นสูงซัดฝั่ง  พรายน้ำขาวที่ยอดปลายแผ่คลุมผืนทรายนุ่ม  ก่อนซึมลึกแล้วถอยหลัง ถอยร่นลงสู่ผืนทะเลอีกครั้ง...เพื่อตั้งหลักซัดสาดอีกครา


                สองร่างที่กอดรัดพันตูก็ไม่แตกต่าง  พายุอารมณ์กระหน่ำจนกายทั้งสองสั่นสะท้านไหว  ยิ่งอารมณ์พุ่งสูง  ก็ยิ่งโถมใส่ดั่งแรงลมทะเลเสริม  ยิ่งรับแรงยิ่งแอ่นรับจนคนมอบให้ไม่อาจลดทอนดุดัน  แรงรักชักนำให้พายุอารมณ์หอบสติสัมปชัญญะหมุนคว้างก่อนพรายน้ำขาวที่ยอดปลายอารมณ์อุ่นวาบฉาบทั่วร่าง ซาบซ่าน  โอบไล้  ก่อนถอดถอนกายเพื่อเริ่มต้นอีกครา
               


               


TBC