วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

ด้านมืดฯ ตอนที่สิบ : สุข สั้น สั้น

ตอนที่สิบ  สุข สั้น สั้น


“อือ .. มึงถามอะไรนักหนา  กูเซ็งแล้วเนี่ย”  เขาผลักไหล่กว้างแต่ยังไม่หนาเต็มที่นั้นแรง ๆ แต่แขนยาว ๆ 
ของเจตก็กลับรั้งเข้าเข้าไปจนชิดกันอีกครั้ง

“ไม่ถามแล้ว”  



หน้าคมก้มลงแนบชิด ลำตัวผอมบางกระตุกแต่ทว่าไม่มีสิทธิอุทานคำใดเพราะเจตแนบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง
ครั้งนี้หนัก  แรง  บดและดูดกลืนจนเหมือนเขาโดนสูบวิญญาณออกไป  มือที่ลูบผ่านทิ้งน้ำหนักตามปลายนิ้วเป็นระยะ
ในยามที่มือร้อนลากไปทั่วเหมือนปลุกโหมอารมณ์ที่ดับไปให้ลุกขึ้นมาในเสี้ยวนาที 

และในจังหวะที่เจตผละริมฝีปากออกไป เขาต้องรีบกอบโกยลมหายใจเข้าไปในปอดทันที รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่าง “ฟุบ” 
ผ่านศีรษะพ้นออกไปจากตัว  ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศแตะสัมผัสทั่วผิวกายท่อนบน  ตาโตของเขาเบิกกว้าง
ด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนตัวสูงยันตัวขึ้นนั่งทั้งที่ยังแทรกตัวอยู่หว่างขาของเขา  แขนยาว ๆ ค่อย ๆ ดึงเสื้อออกจากตัว
เช่นกัน


ลำตัวเปล่าเปลือยของเจตในยามนี้  ไม่เหมือนลำตัวคนอีกเป็นร้อยที่เคยเห็นในโรงอาบน้ำ แววตาคมที่เคยส่ง
ความอบอุ่นให้  วันนี้... เหมือนเป็นคนละคน  มันดุดัน และฉาบด้วยแววความต้องการอย่างเต็มเปี่ยม

ผิวของเจตขาว  ขาวจัด  ไหล่กว้าง  ลำตัวโปร่งปกคลุมด้วยกล้ามเนื้อที่ยังไม่ชัดเจน แต่จากโครงร่างที่เห็น
เจตจะเป็นผู้ชายตัวโต สูงใหญ่ และเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสมส่วนตามวัยในไม่ช้า

และที่ชายโครงของเจตมีรอยแผลนูนเป็นแนวยาวหลายนิ้ว แผลเป็นที่คงเคยเป็นสีขาวจางๆ ตอนนี้ขอบมีสีชมพูจัด
เพราะเม็ดเลือดที่พร้อมใจกันวิ่งไปจนทั่ว เหมือนกับที่แผ่นอกและคอของเจต ... ซึ่งเขาเองก็รู้ดีว่ามันเกิดจากอารมณ์

เจตโน้มตัวลงมาจุมพิตที่ไหล่เมื่อเขาพยายามเบี่ยงตัวออกจากการกระทำนี้ แต่มือยาวของเจตกลับกดไหล่อีกข้างของเขา
ลงกับที่นอน  ริมฝีปากบางๆ  ลากยาวจากแนวไหล่มายังไหปลาร้าแล้วกดแนบแน่นไปที่ลำคอ

ความรู้สึกที่พุ่งขึ้นมาตามแนวที่ริมฝีปากลากไล้ทำให้เขาแหงนหน้าเริ่ดโดยไม่ได้ตั้งใจ และมันก็กลายเป็นการเปิดทาง
ให้ลิ้นร้อนๆ ลากไปจนทั่วคอ  แล้วเลยลงมาตรงแอ่งที่มีเส้นเลือดเต้นตุบตับของเขาเต้นอยู่ล่วงลงจนถึงแผ่นอก
และในนาทีที่ความร้อนและเปียกชื้นครอบครองจุดเล็กที่แผ่นอกผอมๆ ของเขา ..

“อ๊า... “ 

มือที่เคยกำแน่นอยู่ต้นแขนของเจตกลับมาขยุ้มเข้าที่หัวเกรียนที่กำลังดูดดึงเม็ดเล็กของเขาอยู่  นิ้วเล็กผอมกดลงที่ศีรษะ  
ต้นตอของทุกอารมณ์เสียวซ่าน กำมือทุบไปที่ไหล่กว้างทว่ายังผอมบางอย่างคนโตไม่เต็มไวโดยไม่ออมแรง  แต่ทว่านั่น
ไม่ทำให้อีกคนถอดถอนความร้อนออกจากจุดไวสัมผัสของเขาเลย

ความรู้สึกของการถูกขบกัดแล้วดึงยอดอกขึ้นก่อนจะปล่อย แล้วลากลิ้นร้อนวนรอบคล้ายปลอบโยนทำให้น้ำตาของเขา
ไหลออกจากหางตาด้วยแรงบิดเป็นเกลียวลึกจากภายในกาย  มือเรียวยาวทั้งสองข้างของเจตทำงานอย่างไม่หยุดพัก  
ทั้งเค้นคลึงจนเขารู้สึกเจ็บหน้าอกเพราะมันไม่มีไขมันนุ่มๆ รองรับแรงขยำเหล่านั้น  อีกทั้งลากกดหนักตามสีข้างและเอว 
จนเขาบิดลำตัวหนีแต่ก็ไม่สามารถขยับได้มากมายนัก

“ฮ๊า.. เดี๋ยว เจต.... กู...กูหายใจไม่ทัน  ... ”

จุ๊บ เบา ๆ ที่ยอดอก ก่อนที่หน้าคมจะเคลื่อนมากระซิบอะไรบางอย่างชิดใบหู  ขบขอบหู  สูดกลิ่นแก้ม  คาง 
แล้วลากจูบเรื่อยลงล่างจนถึงสะดือ

ตัวผอม ๆ ของผู้ชายมันเร้าอารมณ์ตรงไหนเขาเองก็ไม่เข้าใจ แต่เจตกลับทำเหมือนหลงใหลกับมัน  ไม่ว่าจะเป็นจูบ 
ดูด ดึง ลากลิ้นลงน้ำหนักไปจนทั่ว  แม้กระทั่งหลุมสะดือก็ยังลงลิ้นให้เขาต้องแอ่นบิดโค้งเพื่อคลายความเสียวซ่าน 

แม้อารมณ์จะพุ่งขึ้นสูงขนาดไหน  แม้เจตจะลงมือรุกเร้ามากขนาดไหน แต่เขากลับหายใจได้มากขึ้น  และรับรู้ความรู้สึก
ต่าง ๆ ได้มากขึ้น  เพราะประโยคแผ่วเบาที่ถูกกระซิบบอก วิธี ที่ข้างหู 

นั่นก็คือ “ร้องออกมา ถ้าทนไม่ไหว  ทุบ ตี กัดกูก็ได้ มันจะทำให้มึงดีขึ้น เพราะไม่ว่ายังไง ..  กูก็จะไม่หยุด”

เนื้อผ้านิ่มถูกรูดลงพ้นสะโพก ผ่านต้นขาไปกองอยู่ที่หัวเข่าก่อนที่มือยาวจะจับข้อเท้าของเขายกขึ้นทีละข้าง
แล้วรูดกางเกงนอน และกางเกงในออกจนเหลือลำตัวเปล่าเปลือย 

เจตผละลุก เดินหันหลังไปที่กำแพงแล้วปิดไฟก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้ง  หยุดยืนที่ริมผ้าห่มที่ใช้ปูเป็นที่นอน
 .. ที่ๆ ซึ่งมีเขาล้อนจ้อนนอนหอบหายใจหนักอยู่

เจตรูดกางเกงนอนและชั้นในตัวเองออกทั้งที่ตาคมจับจ้องไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเขา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เดิม
ก่อนจะลุกออกไปคือระหว่างขาสองข้างของเขา แต่คราวนี้มือยาวๆ ซ้อนเข้าที่ใต้สะโพกแล้วยกขึ้นดึงเขาให้เลื่อนลงไป
จนชิด  ขาทั้งสองข้างจึงกางออกและต้นขาเขาพาดอยู่บนต้นขาของเจตที่แทรกเข้ามาข้างใต้ทันที


เป็นท่าที่น่าอายที่สุด เป็นท่าที่เขาเองเคยทำกับผู้หญิง  เป็นท่าที่เขาเคยอยู่ตรงนั้น และไม่เคยคิดว่ามันทำให้อีกฝ่าย
อายได้ขนาดนี้

เจตโน้มตัวลงมาแล้วกดจูบที่แผ่นอกอีกครั้ง  มือยาว ๆ ทั้งสองข้างล้วงเข้าไปด้านใต้แล้วขยำแก้มก้นของเขาอย่างแรง

“โอ๊ะ .. โอ๊ย... อึก”  

พร้อมๆ กับที่ลิ้นร้อนตวัดวนไปรอบ ๆ ยอดอก  หมุนวนก่อนที่จะเม้มมันด้วยริมฝีปากบางของเจต

แรงมีเท่าไหร่เขาลงไปที่ปลายนิ้วทั้งหมด  จิกไหล่และต้นแขนของเจตจนนิ้วขึ้นขาว แต่คนด้านบนไม่สะเทือนสักนิด
แม้ผิวบริเวณนั้นจะเห่อแดงตามริ้วเล็บของเขาก็ตาม ปากร้อนของเจตดูดกลืนยอดอกจนพอใจแล้วค่อย ๆ เลื่อนลงไป
จุดที่เขา... กลัวที่สุด  มือผอม ๆ รีบคว้าจับไหล่ของเจตไว้ทันที 


 “เจต!! เจต!! เดี๋ยว ... มึง  เดี๋ยว  กู ... โอ๊ะ ...ฮึก  ฮึก”


ไม่ทันแล้วแม้จะพยายามยื้ออีกคนไว้  ความร้อนตวัดที่ปลายจุดอ่อนไหว แล้วค่อยๆ วนรอบ ๆ ส่วนปลายก่อนจะ
ลงน้ำหนักลากขึ้นลงตามความยาว  มือข้างหนึ่งละจากก้นนุ่มมากอบกุมที่โคนแล้วรูดขึ้นลงตามจังหวะลิ้นร้อนตวัด 
ก่อนที่ความร้อนทั้งหมดจะโอบล้อมจุดอ่อนไหวให้หายเข้าไปในแรงดูดดึง

“อ๊ะ  อ๊ะ  ... ฮึก  อ๊า ~~~……………..

และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง  ความเสียวแปลบที่วิ่งจากไขสันหลังไปตามเส้นประสาท  ความชาคล้ายไฟอ่อนช็อต
ไปทั่วร่างกายก็พร้อมใจวิ่งจากกึ่งกลางลำตัวไปทั้งปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า  พุ่งอัดแน่นในอกจนต้องแอ่นสูงก่อนจะวิ่งขึ้นขมับ 
ราวกับมีอะไรบางอย่างอัดแน่นในก้อนสมอง จนต้องหยีทั้งหน้า ตา และคิ้ว จนถึงขบริมฝีปากไว้แน่นเพื่อต่อสู้กับความ
รู้สึกนั้น จนกระทั่งสมองขาวโพลน  ขาผอมกระตุกเกร็ง และน้ำอุ่นร้อนพุ่งเข้าสู่ความร้อนและเปียกชื้นที่ยังครอบครอง
อยู่ทันที ...

รู้สึกโดนดูดหนักพร้อมกับมือยาวรูดขึ้นลงช่วยระบายบางสิ่งออกจากตัวเพื่อคลายความอึดอัด

ปากบางอ้ากว้าง หอบ กอบโกยอากาศ รู้สึกถึงกล้ามเนื้อบางมัดบางส่วนในตัวเต้นยิบๆ แต่ไม่สามารถควบคุมได้

มือยาวของเจตละออกจากส่วนอ่อนไหวและก้นนุ่มมาบีบคลึงไปทั่วต้นขาและบั้นเอวให้ความเสียวซ่านไหลวน
ไปทั่วตัวอย่างสะดวกและล้ำลึกมากยิ่งขึ้น 

จนเมื่อหลายสิ่งหลายอย่างหลุดลอยคว้างขึ้นสูงสุดแล้ว รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขนนกโดนลมซัดสูงแล้วค่อย ๆ โรยตัวลง
สู่พื้นเมื่อสายลมอ่อนแรงลง  เขาจึงค่อยๆ เปิดเปลือกตามองอีกคนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมคือหว่างขาของเขาและมองจ้องอยู่

แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความต้องการยังฉายชัด และมีแวว “สมใจ”  ในสีหน้านั้น ปากบางเปิดยิ้มที่เขารู้สึกว่ามัน เจ้าเล่ห์
เหลือเกินก่อนจะโน้มลงมาจูบเขาอย่างลึกซึ้ง

บางอย่างที่ขมึงตึงและร้อนจัดของคนด้านบนสัมผัสเข้าที่กลางลำตัวเขาตามท่วงท่าของการขยับตัว  เจตทิ้งน้ำหนักลง
มากขึ้นจนแผ่นอกแนบแน่น  ศอกข้างหนึ่งถูกค้ำไว้บนผ้าห่มข้างศีรษะเขา ส่วนอีกข้างล้วงลงไปจับส่วนรุ่มร้อนของเจ้าตัว 
รวบไว้ด้วยกัน ... แล้วเริ่มขยับช้าๆ

จากปลายนิ้ว  ปลายเท้า ไขสันหลัง สมอง  ความรู้สึกพุ่งกลับมาที่จุดอ่อนไหวทันทีเมื่อโดนปลุกซ้ำ เสียงแหบพร่า
ลอดลำคอของเขาออกมาพร้อมกับร่างกายที่บิดเกร็ง  มือผอมบางปัดป่าย  จับ  ขยุ้มทุกสิ่งที่คว้าได้ ยิ่งคนข้างบน
เคลื่อนไหวเร็วเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแน่นในอกคล้ายจะระเบิดออกมาเท่านั้น

เสียงทุ้มต่ำครางในลำคอ และอ้าปากเปล่งเสียงครางที่ข้างใบหูเขา  หน้าคมกดจูบซ้ำๆ อยู่ที่ไหล่ ซอกคอ และใบหู 
ทั้งที่ร่างกายส่วนล่างยังขยับและมืออีกข้างยังรวบสองความรุ่มร้อนไว้ด้วยกัน

ต่างคนต่างต้องการ  ต่างคนต่างรุ่มร้อน เสียงพร่าระบายความอึดอัดปะปนกันไปทั่ว  ทั้งคราง ทั้งพึมพำต่ำในลำคอ 
จนกระทั่งเอวสอบของเจตเร่งจังหวะถี่พร้อมมือที่กระชับส่วนกลางของร่างกายเข้าหากันยิ่งกว่าเดิม

เจตดันตัวขึ้นจนแขนเกือบตรงเพื่อให้อยู่ในท่าที่ถนัด  แล้วเริ่มสวนสะโพกแรงมากขึ้น  ยิ่งเสียดสีก็ยิ่งเพิ่มทวีความเร่าร้อน
เม็ดเหงื่อที่หยดจากคนข้างบนโดนใบหน้าและแผ่นอกผอมบางทำให้เขาพร่า เบลอ  และเมื่อความเร็วถี่รัวในเฮือกสุดท้าย
พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำครางยาว หน้าคมแหงนหงาย กล้ามเนื้อทุกมัดทุกชิ้นในกายของเขาก็กระตุกเกร็ง...อีกครั้ง

เสียงหวีดร้องที่เปล่งออกจากลำคอ  มันเหมือนเสียงของหญิงสาวที่เขาเคยได้ยินเวลาที่หล่อนถึงจุดสูงสุด แต่ทว่าวันนี้
มันเป็นเสียงของเขา... กลุ่มหมอกควันขาววิ่งขึ้นจากกลางอกลำคอแล้วไปติดแน่นที่สมอง ... ก่อนจะค่อย ๆ ฟุ้งเลือน
เจือจางออกไปคล้ายโดนสายลมอ่อนปัดเป่า  กล้ามเนื้อทุกส่วนเกร็งแน่นและกระตุกติดต่อก่อนจะค่อยอ่อนแรงลง
แล้วทิ้งตัวแขนขาอย่างไม่แคร์ท่าทาง พอ ๆ กับใบหน้าเรียวที่เอียงข้างแนบลงกับหมอนอย่างสิ้นเรี่ยวแรง และคนข้างบน
ที่หอบตัวโยนเองก็ทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ รวบเขาเข้าไปกอดแน่น  แล้วหลับไป ....





ที่นอนหนานุ่มในห้องปรับอากาศเย็นฉ่ำยวบยาบเล็กน้อยเมื่อเขาลืมตาตื่นแล้วลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ
อย่างไม่อิดออด  จนเมื่อก้าวขาออกจากประตูห้องน้ำอีกครั้งฟ้านอกหน้าต่างห้องจึงเปลี่ยนสีบ่งบอกเวลาเช้าวันใหม่  
เขาหยิบเสื้อผ้าที่คิดว่าได้รับอนุญาตให้ใช้ได้เรียงใส่กระเป๋า  คัดแยกของแล้วแบ่งไว้เป็นสองกองคือถุงที่นำติดตัวไปได้
 และถุงที่ไม่แน่ใจว่าจะฝากเจ้าของห้องไว้ หรือจะทิ้งไปเลย

“ตื่นแต่เช้าจัง” เสียงพร่าดังมาจากคนที่เพิ่งยันตัวขึ้นนั่งทั้งที่เปล่าเปลือยและลูบใบหน้าตัวเองแรง ๆ

“วันนี้กูต้องกลับเข้าไปแล้ว”

“กูจำได้” หย่อนขายาวลงตรงพื้นข้างเตียงพลางกวาดตามองเขาที่นั่งขัดขาอยู่ที่พื้นด้วยสายตาคมกริบ

“ไปส่งกูที่บ้านที”

“กูตั้งใจจะไปส่งมึงอยู่แล้ว  ขออาบน้ำก่อน”

เจตใช้เวลาอาบน้ำแค่เพียงไม่กี่นาที ก่อนที่จะพาตัวสูงโปร่งและหน้าคมขรึมออกมายืนหน้าตู้เสื้อผ้า  เสื้อยืดสีดำและ
กางเกงยีนส์สีดำสนิทถูกหยิบมาสวมลวก ๆ ก่อนที่จะมานั่งยองข้าง ๆ กองถุงของเขาพร้อมกับเช็ดผมสั้นเกรียนที่ยัง
หมาดอยู่ด้วยผ้าขนหนู

“นั่นจะเอาไปใช่หรือเปล่า”

“อือ”

“ที่เหลือนี่ฝากกูไว้?

“ทิ้งเลยก็ได้”

“ไม่ต้องทิ้งหรอก เอาไว้นี่  มึงมาคราวหน้าจะได้มีใช้”

เขามองตาคมของคนที่บอกให้เขาฝากของไว้  ... คราวหน้าสำหรับเขา....งั้นเหรอ?

เจตลุกไปโยนผ้าขนหนูใส่ราวตากแล้วเดินไปหยิบข้าวของโยนลงบนเตียงหลายอย่าง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมและกุญแจ
แล้วเดินมาหาเขา  เขาจึงรีบหยิบข้าวของแล้วลุกขึ้นทันทีเมื่อเข้าใจจากท่าทางว่าเจตพร้อมจะไปส่งเขาแล้ว

“เดี๋ยว.... มึงเอาของในถุงพวกนั้นออกไปใส่ในตะกร้าก่อน”

“ทำไมวะ”

“แม่บ้านเขาจะได้มาเอาไปซักไว้ให้มึงใส่”

“มะ .. ไม่เป็นไรหรอก ใส่ถุงไว้อย่างนั้นแหละ”

“สกปรก มึงใส่แล้วด้วย กว่าจะมาอีกทีห้องกูได้เหม็นอับเพราะเสื้อผ้าพวกนี้”

มือใหญ่ของเจตดันหลังเขาแรงๆ  เขาได้แต่หันมามองเจตอีกครั้งแล้วจึงวางถุงในมือบนเตียง ข้าง ๆ กองเสื้อผ้าที่เจตโยน
ออกมาจากตู้เมื่อสักครู่ แล้วหยิบถุงที่ซุกไว้ข้างเตียงมาเทเสื้อผ้าใช้แล้วของตัวเองลงในตะกร้าสำหรับรอซัก เทปนไปกับ
เสื้อผ้าของเจ้าของห้องเมื่อมองไม่เห็นว่ามีตะกร้าใบอื่น





ล้อรถใหญ่ของพาหนะสองล้อจอดที่หน้าประตูรั้วบ้าน  เขาก้าวขาลงจากรถแล้วยืนเต็มฝ่าเท้าพร้อมหลังที่สะพายกระเป๋าเป้
และมือที่หอบหิ้วถุงในขณะที่แดดเช้ายังอ่อนแสงอยู่นัก

ประตูหน้าบ้านเปิดค้างไว้เป็นสัญญาณให้รู้ว่ามีใครบางคนอยู่ในนั้น  เขาถือถุงของก้าวขาข้ามธรณีประตูเข้าในตัวบ้าน  
ไฟถูกเปิดไว้เพียงแค่บางดวงเท่านั้นแต่ก็ชัดเจนมากพอให้เห็นเงาเค้าร่างของหญิงคนหนึ่งที่นั่งเงียบๆ อยู่โซฟาและหันหลัง
ให้ประตู

เขาค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปช้า ๆ และเมื่อเขาหยุดยืนที่ไม่ไกลโซฟานัก และไม่ทันได้เอ่ยทัก  ใครคนนั้นก็ผุดลุกขึ้นพร้อมกับ
หยิบกระเป๋าสะพายของผู้หญิงสีเข้มขึ้นคล้องกับไหล่แล้วหมุนตัวกลับมา เดินเร็วๆ ผ่านเขาไปทางประตูหน้าบ้านในทันที 


เขาไม่แปลกใจ เพราะเขารู้ดีว่าคนคนนี้เพียงแค่มาทำตามหน้าที่  เขาจึงทำได้แค่มองขึ้นไปยังประตูห้องนอนชั้นสอง 
มองห้องของเขาที่ประตูถูกปิดไว้ท่ามกลางความมืดสลัวของระเบียงที่ไร้แสงไฟ  เสียงถอนหายใจยืดยาวถูกนำมาใช้
ก่อนที่ขาเล็กจะก้าวเดินตามใครคนนั้นไปยังประตูหน้าบ้านในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน

เจตที่ยังคงจอดรถอยู่ตรงประตูรั้วมีสีหน้าแปลกใจ  หลังจากเขาลงจากรถของเจตเมื่อห้านาทีก่อน เจตบอกว่าจะรอ
ให้เขาเก็บของเสร็จเรียบร้อยจึงจะกลับ และเจตคงไม่คิดว่าเขาจะใช้เวลาเพียงแค่ห้านาทีเช่นนี้

......... นั่นสิ  แค่ห้านาที  เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะขึ้นไปหยิบอะไรสักชิ้นบนห้องนอนของตัวเองด้วยซ้ำ

แต่ธนบัตรสีเทาปึกหนึ่งเมื่อสองสามวันก่อนก็ช่วยให้เขามีทุกอย่างตามสมควรแล้วในเป้ที่สะพายอยู่ที่หลัง  
อีกส่วนที่เหลือเขาดึงออกจากกระเป๋ากางเกงขาสั้นแล้วยื่นให้เจตในจังหวะที่เดินผ่าน พร้อมกับพูดฝากความด้วย
น้ำเสียงที่เบาจนตัวเองยังแทบไม่ได้ยิน

“เก็บไว้ให้กูที”

สีหน้าของเจตบอกถึงความไม่เข้าใจ เขาจึงขยายความเพิ่มก่อนจะรีบก้าวขาเร็ว ๆ ตามใครคนนั้นที่คล้องกระเป๋าไว้
กับไหล่แล้วหนีบแน่น เดินนำลิ่วโดยไม่เหลียวหลังมามองเขาเลยสักนิด  “เขา....ไม่เอาคืนหรอก”





เสียงสองล้อมีลูกสูบดังกระหึ่มจากด้านหลังแล้วค่อยหายไป  เจตคงขับรถตามถนนไปทางท้ายซอยที่จะทะลุถนน
อีกสายเพื่อกลับที่พักแต่เขาไม่ได้หันไปมองเพราะมัวก้าวขาให้ทันคนที่ผลุบเข้าไปนั่งด้านหลังของรถแท็กซี่เสียแล้ว
เสียงวิทยุที่ดังในห้องโดยสารและเสียงจากเครื่องมือสื่อสารตัวสีดำจากแผงด้านหน้าช่วยให้บรรยากาศกระอักกระอ่วน
บางเบาแต่ไม่ได้จางหาย  มันยังคงซุกตัวอยู่ในความรู้สึก ในแววตา ในอากัปกิริยาของสองคนที่เบาะหลัง  อย่างน้อย
ก็ขอบคุณเสียงแตกซ่าตามคุณภาพภาครับภาคส่งของวิทยุในแท็กซี่กลางเก่ากลางใหม่เครื่องนั้น  ที่ช่วยดึงความสนใจ
ของคนขับแท็กซี่ไปจากพวกเขา และกลบความเหินห่างหมางเมินที่แผ่จากไหล่ผอมของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งเชิดหน้า
หันออกนอกหน้าต่างตลอดเวลา....ไม่แม้จะชายตามามองเขาที่นั่งอยู่เบาะข้าง ๆ กันด้วยซ้ำ







สิ่งเคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง ใช่ว่าครั้งที่สองจะรู้สึกแตกต่าง

แนวกำแพงสูงตระหง่านที่ผ่านเข้ามาในกรอบสายตาทำให้ลมหายใจสั้นลงอย่างไม่มีสาเหตุ  เหมือนปอดใต้ซี่โครง
ถูกบีบลงเหลือก้อนนิดเดียวจนเก็บกลืนลมหายใจได้ไม่มาก  ความเย็นเยียบวิ่งจากจุดไหนสักที่แถวกลางลำตัว 
ในท้อง หรือแผ่นหลัง  แล่นเป็นสายริ้วสู่ปลายนิ้วขาวซีดจนเย็นชืด 

สายเป้ถูกกำแน่นราวกับต้องการหาที่ยึดเหนี่ยว  เขาหันไปมองไหล่เล็กของใครคนนั้นอย่างเต็มตา  ปฏิเสธไม่ได้ว่า
เขาต้องการไออุ่นจากใครสักคนมากแค่ไหนในตอนนี้  แต่สิ่งที่เขาได้รับมีเพียงแววตาเฉยชาที่สะท้อนให้เห็นจากกระจก
ติดฟิล์มของรถ  และสายตาที่กรีดลึกถึงขั้วหัวใจของชายกลางคนผู้ขับแท็กซี่เมื่อเลี้ยวเข้าจอดที่ริมถนนข้างป้ายบอก
สถานที่ใหญ่โต

ป้ายที่บอกชัดถึงชื่อของสถานที่แห่งนี้ สถานที่ที่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็คิดเหมือนกันทั้งนั้น

.... ว่าไม่มีเด็กดีคนใดต้องหอบเสื้อผ้ามานอนที่นี่..... ไม่มี




แผ่นหลังเล็กของใครคนนั้นห่างออกไปหลังจากลงลายมือชื่อในเอกสาร และแผ่นแถบตรวจของเหลวแสดงให้เห็นว่าเขา 
“ปกติ”

ของในกระเป๋าเป้ และถุงกระดาษถูกส่งไปอีกห้องตามขั้นตอนเพื่อตรวจ  เช่นเดียวกันกับเขาที่กลั้นหายใจก้าวขา
ข้ามกรอบเหล็กอันเป็นเขตกั้นแยกโลกสองใบออกจากกันในเสี้ยววินาที  ร้อนที่ดวงตาและหนาวเหน็บในหัวใจ   
ขั้นตอนเหมือนเดิมทุกอย่าง ต่างเพียงคำสนทนาจากชายในเครื่องแบบเปลี่ยนเป็นซักถามสิ่งที่เขาทำในช่วงไม่กี่วัน
ที่ผ่านมา มากกว่าจะพูดถึงเนื้อหายาวยืดหลายหน้ากระดาษเช่นเคย

เสื้อผ้าที่ติดตัวมาถูกเก็บใส่ถุงมัดปากเรียบร้อย เขียนหมายเลขด้านข้างถุงด้วยปากกาเมจิกเส้นใหญ่ก่อนจะโยนลง
กล่องพลาสติกที่เปิดฝาทิ้งไว้และมีอีกหลายถุงนอนรออยู่แล้ว เสื้อสีพื้นคอปาดกว้างตัวโคร่งและกางเกงขาสั้นถูกนำมา
ให้สวมใส่โดยไม่เต็มใจแต่จำยอม  เขาเพียงแค่ลูบแผ่นอกตัวเองเบา ๆ อย่างน้อยคราวนี้เขาก็มีเสื้อกล้ามและกางเกงใน
มากพอแล้ว


รับของที่ตรวจแล้วเรียบร้อยจึงสะพายกระเป๋าไปห้องล็อกเกอร์เพื่อเก็บของ  ถุงกระดาษในมือถูกเปิดอ้าออกเพื่อมอง
แล้วยิ้มด้วยความพึงพอใจเมื่อได้คิดถึงสีหน้าของเจ้าเด็กแสบ  เขาหวังว่าไอ้แสบจิ๋วจะชอบสีดินสอที่เขาซื้อมาฝาก 
และโชคดีที่คนในเครื่องแบบเหล่านั้นไม่หยิบมันออกไปแม้แต่สีเดียว

“พี่จ้อย!!!

เด็กตัวเล็กและผอมจัดวิ่งมาตามถนนคอนกรีตเมื่อเห็นเขา  มันพุ่งมาด้วยความรวดเร็วแต่เมื่อถึงตัวเขามันกลับทำ
เพียงแค่หยุดยืนข้าง ๆ เขย่งตัวขึ้นลงพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ตาสุกใสบนใบหน้ามอมแมมด้วยสีผิวค่อนไปทางกระด่างดำ
ไม่สม่ำเสมอมองถุงในมือเขา  มองมือเขา  และถ้าเขามองไม่ผิด จิ๋วเอื้อมมือออกมาเล็กน้อยคล้ายจะจับตัวเขาแต่ก็ชะงัก
แล้วหดกลับไปขดซ่อนไว้ด้านหลัง  เขาจึงยื่นมือไปจับต้นแขนผอมนั่นแล้วดึงให้เดินตามเขาเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ที่วันนี้
เปิดรอสำหรับผู้ที่เพิ่งกลับมาถึงเช่นเขา

“เอ้า  ซื้อมาฝาก”

“จริงเหรอ  มึงให้กูจริงเหรอ”

ป้าบ! 

เขาตบหัวเล็ก ๆ ของเด็กชายตัวผอมเมื่อรู้สึกว่าคำพูดของไอ้ตัวเล็กตรงหน้าระคายหู  พูดจากูมึงเต็มปากเต็มคำ  
แม้จะเคยได้ยินมาแล้วหลายเดือน แต่หลังจากก้าวขาออกนอกกำแพงหนานี้แค่ไม่กี่วันเขากลับอยากให้ไอ้เด็กตัวจิ๋วคนนี้
พูดจาให้สุภาพ  อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องติดปากมันไปยามเมื่อสักวันที่มันจะได้รับโอกาสติดปีกออกจากที่นี่

“เรียกกูใหม่”

“พี่.. พี่จ้อยให้กูเหรอ”

หัวเล็กเอียงหลบวูบเมื่อเขาเงื้อมืออีกครั้ง  ปากบางแห้งแตกของไอ้เด็กตัวเล็กที่นั่งตาโตมองกล่องสีในมือเขาอ้าขึ้นเถียง
อย่างเร็วรัว

“ก็เรียกพี่แล้วไง  จะตบกูทำไมอีก”

“ทำไมต้องแทนตัวว่ากู”

“แล้วจะให้แทนตัวเองว่ายังไง”

“ชื่อมึงไง ไอ้จิ๋ว”

“จะอ๊วกแตก  ตั้งแต่จำความได้ก็พูดแค่ ข่อย เจ้า กู มึง ที่บ้านก็พูดอย่างนี้”  คิ้วของคนที่ยังอยู่ในวัยเด็กโตขมวดเข้าหากัน  
หน้าตาเอาเรื่องและเหตุผลของมันทำให้เขายื่นกล่องสีที่ตั้งใจซื้อมาให้พร้อมกับถอนหายใจ

“โห  นี่กูไม่เคยมีแบบนี้เลยนะพี่จ้อย”

“เออ ใช้ไปเถอะ แล้วตั้งใจเรียนด้วย”

“เออ  ตั้งใจแน่ๆ”

“ครับสิ  มึงจะเออได้ไง กูเป็นพี่มึงนะ”

“แล้วพี่จ้อยพูดกูกับมึงกับกูทำไมล่ะ”

“วะ... เออ มึงจะพูดยังไงก็ตามใจ”

หัวเล็ก ๆ ผมเกรียนๆ ผงกขึ้นลงแทนการตอบรับ ก่อนที่ไอ้จิ๋วจะทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิบนพื้นแล้วเปิดกล่องสีที่เรียงกัน
เป็นแผงออกแรง ๆ จนแท่งสีกระเด็นลงบนตัก มือผอมค่อย ๆ หยิบแต่ละสีมาเพ่งดูใกล้ๆ แล้วกำไว้ในมือแน่น 
หมุนสลับแท่งไปมาด้วยรอยยิ้ม

“อย่าทำหายล่ะ  เดี๋ยวสีไม่ครบ  จะไม่สวย”

“เออ  กูจะวาดรูป  แล้วกูจะเอามาให้พี่จ้อยดูนะ”

“เออ กูจะรอดู”



TBC

1 ความคิดเห็น:

  1. Best Online Casino UK ᐈ Top 3 Casino Site & Apps
    Best Online Casino UK: Top 3 Casino Site & Apps in 2021 · 1. Red Dog – Best UK Online Casino in 2021 · 2. InterTops luckyclub – Best Casino for New Players

    ตอบลบ