ตอนที่สิบ สุข สั้น สั้น
“อือ .. มึงถามอะไรนักหนา
กูเซ็งแล้วเนี่ย”
เขาผลักไหล่กว้างแต่ยังไม่หนาเต็มที่นั้นแรง ๆ แต่แขนยาว ๆ
ของเจตก็กลับรั้งเข้าเข้าไปจนชิดกันอีกครั้ง
“ไม่ถามแล้ว”
หน้าคมก้มลงแนบชิด ลำตัวผอมบางกระตุกแต่ทว่าไม่มีสิทธิอุทานคำใดเพราะเจตแนบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง
ครั้งนี้หนัก แรง บดและดูดกลืนจนเหมือนเขาโดนสูบวิญญาณออกไป มือที่ลูบผ่านทิ้งน้ำหนักตามปลายนิ้วเป็นระยะ
ในยามที่มือร้อนลากไปทั่วเหมือนปลุกโหมอารมณ์ที่ดับไปให้ลุกขึ้นมาในเสี้ยวนาที
และในจังหวะที่เจตผละริมฝีปากออกไป เขาต้องรีบกอบโกยลมหายใจเข้าไปในปอดทันที รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่าง “ฟุบ”
ผ่านศีรษะพ้นออกไปจากตัว
ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศแตะสัมผัสทั่วผิวกายท่อนบน
ตาโตของเขาเบิกกว้าง
ด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนตัวสูงยันตัวขึ้นนั่งทั้งที่ยังแทรกตัวอยู่หว่างขาของเขา แขนยาว ๆ ค่อย ๆ ดึงเสื้อออกจากตัว
เช่นกัน
ลำตัวเปล่าเปลือยของเจตในยามนี้
ไม่เหมือนลำตัวคนอีกเป็นร้อยที่เคยเห็นในโรงอาบน้ำ แววตาคมที่เคยส่ง
ความอบอุ่นให้
วันนี้... เหมือนเป็นคนละคน มันดุดัน และฉาบด้วยแววความต้องการอย่างเต็มเปี่ยม
ผิวของเจตขาว ขาวจัด ไหล่กว้าง
ลำตัวโปร่งปกคลุมด้วยกล้ามเนื้อที่ยังไม่ชัดเจน
แต่จากโครงร่างที่เห็น
เจตจะเป็นผู้ชายตัวโต สูงใหญ่
และเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสมส่วนตามวัยในไม่ช้า
และที่ชายโครงของเจตมีรอยแผลนูนเป็นแนวยาวหลายนิ้ว แผลเป็นที่คงเคยเป็นสีขาวจางๆ
ตอนนี้ขอบมีสีชมพูจัด
เพราะเม็ดเลือดที่พร้อมใจกันวิ่งไปจนทั่ว
เหมือนกับที่แผ่นอกและคอของเจต ... ซึ่งเขาเองก็รู้ดีว่ามันเกิดจากอารมณ์
เจตโน้มตัวลงมาจุมพิตที่ไหล่เมื่อเขาพยายามเบี่ยงตัวออกจากการกระทำนี้
แต่มือยาวของเจตกลับกดไหล่อีกข้างของเขา
ลงกับที่นอน ริมฝีปากบางๆ
ลากยาวจากแนวไหล่มายังไหปลาร้าแล้วกดแนบแน่นไปที่ลำคอ
ความรู้สึกที่พุ่งขึ้นมาตามแนวที่ริมฝีปากลากไล้ทำให้เขาแหงนหน้าเริ่ดโดยไม่ได้ตั้งใจ
และมันก็กลายเป็นการเปิดทาง
ให้ลิ้นร้อนๆ ลากไปจนทั่วคอ แล้วเลยลงมาตรงแอ่งที่มีเส้นเลือดเต้นตุบตับของเขาเต้นอยู่ล่วงลงจนถึงแผ่นอก
และในนาทีที่ความร้อนและเปียกชื้นครอบครองจุดเล็กที่แผ่นอกผอมๆ ของเขา ..
“อ๊า... “
มือที่เคยกำแน่นอยู่ต้นแขนของเจตกลับมาขยุ้มเข้าที่หัวเกรียนที่กำลังดูดดึงเม็ดเล็กของเขาอยู่ นิ้วเล็กผอมกดลงที่ศีรษะ
ต้นตอของทุกอารมณ์เสียวซ่าน กำมือทุบไปที่ไหล่กว้างทว่ายังผอมบางอย่างคนโตไม่เต็มไวโดยไม่ออมแรง แต่ทว่านั่น
ไม่ทำให้อีกคนถอดถอนความร้อนออกจากจุดไวสัมผัสของเขาเลย
ความรู้สึกของการถูกขบกัดแล้วดึงยอดอกขึ้นก่อนจะปล่อย แล้วลากลิ้นร้อนวนรอบคล้ายปลอบโยนทำให้น้ำตาของเขา
ไหลออกจากหางตาด้วยแรงบิดเป็นเกลียวลึกจากภายในกาย มือเรียวยาวทั้งสองข้างของเจตทำงานอย่างไม่หยุดพัก
ทั้งเค้นคลึงจนเขารู้สึกเจ็บหน้าอกเพราะมันไม่มีไขมันนุ่มๆ
รองรับแรงขยำเหล่านั้น อีกทั้งลากกดหนักตามสีข้างและเอว
จนเขาบิดลำตัวหนีแต่ก็ไม่สามารถขยับได้มากมายนัก
“ฮ๊า.. เดี๋ยว เจต.... กู...กูหายใจไม่ทัน ... ”
จุ๊บ เบา ๆ ที่ยอดอก
ก่อนที่หน้าคมจะเคลื่อนมากระซิบอะไรบางอย่างชิดใบหู ขบขอบหู
สูดกลิ่นแก้ม คาง
แล้วลากจูบเรื่อยลงล่างจนถึงสะดือ
ตัวผอม ๆ ของผู้ชายมันเร้าอารมณ์ตรงไหนเขาเองก็ไม่เข้าใจ
แต่เจตกลับทำเหมือนหลงใหลกับมัน ไม่ว่าจะเป็นจูบ
ดูด ดึง ลากลิ้นลงน้ำหนักไปจนทั่ว
แม้กระทั่งหลุมสะดือก็ยังลงลิ้นให้เขาต้องแอ่นบิดโค้งเพื่อคลายความเสียวซ่าน
แม้อารมณ์จะพุ่งขึ้นสูงขนาดไหน
แม้เจตจะลงมือรุกเร้ามากขนาดไหน แต่เขากลับหายใจได้มากขึ้น และรับรู้ความรู้สึก
ต่าง ๆ ได้มากขึ้น เพราะประโยคแผ่วเบาที่ถูกกระซิบบอก ‘วิธี’ ที่ข้างหู
นั่นก็คือ “ร้องออกมา ถ้าทนไม่ไหว
ทุบ ตี กัดกูก็ได้ มันจะทำให้มึงดีขึ้น เพราะไม่ว่ายังไง .. กูก็จะไม่หยุด”
เนื้อผ้านิ่มถูกรูดลงพ้นสะโพก
ผ่านต้นขาไปกองอยู่ที่หัวเข่าก่อนที่มือยาวจะจับข้อเท้าของเขายกขึ้นทีละข้าง
แล้วรูดกางเกงนอน
และกางเกงในออกจนเหลือลำตัวเปล่าเปลือย
เจตผละลุก เดินหันหลังไปที่กำแพงแล้วปิดไฟก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้ง หยุดยืนที่ริมผ้าห่มที่ใช้ปูเป็นที่นอน
.. ที่ๆ
ซึ่งมีเขาล้อนจ้อนนอนหอบหายใจหนักอยู่
เจตรูดกางเกงนอนและชั้นในตัวเองออกทั้งที่ตาคมจับจ้องไปตามส่วนต่าง ๆ
ของร่างกายเขา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เดิม
ก่อนจะลุกออกไปคือระหว่างขาสองข้างของเขา
แต่คราวนี้มือยาวๆ ซ้อนเข้าที่ใต้สะโพกแล้วยกขึ้นดึงเขาให้เลื่อนลงไป
จนชิด ขาทั้งสองข้างจึงกางออกและต้นขาเขาพาดอยู่บนต้นขาของเจตที่แทรกเข้ามาข้างใต้ทันที
เป็นท่าที่น่าอายที่สุด เป็นท่าที่เขาเองเคยทำกับผู้หญิง เป็นท่าที่เขาเคยอยู่ตรงนั้น
และไม่เคยคิดว่ามันทำให้อีกฝ่าย
อายได้ขนาดนี้
เจตโน้มตัวลงมาแล้วกดจูบที่แผ่นอกอีกครั้ง มือยาว ๆ
ทั้งสองข้างล้วงเข้าไปด้านใต้แล้วขยำแก้มก้นของเขาอย่างแรง
“โอ๊ะ .. โอ๊ย... อึก”
พร้อมๆ
กับที่ลิ้นร้อนตวัดวนไปรอบ ๆ ยอดอก
หมุนวนก่อนที่จะเม้มมันด้วยริมฝีปากบางของเจต
แรงมีเท่าไหร่เขาลงไปที่ปลายนิ้วทั้งหมด จิกไหล่และต้นแขนของเจตจนนิ้วขึ้นขาว
แต่คนด้านบนไม่สะเทือนสักนิด
แม้ผิวบริเวณนั้นจะเห่อแดงตามริ้วเล็บของเขาก็ตาม ปากร้อนของเจตดูดกลืนยอดอกจนพอใจแล้วค่อย ๆ เลื่อนลงไป
จุดที่เขา...
กลัวที่สุด มือผอม ๆ รีบคว้าจับไหล่ของเจตไว้ทันที
“เจต!! เจต!! เดี๋ยว ... มึง
เดี๋ยว กู ... โอ๊ะ ...ฮึก ฮึก”
ไม่ทันแล้วแม้จะพยายามยื้ออีกคนไว้
ความร้อนตวัดที่ปลายจุดอ่อนไหว แล้วค่อยๆ วนรอบ ๆ
ส่วนปลายก่อนจะ
ลงน้ำหนักลากขึ้นลงตามความยาว
มือข้างหนึ่งละจากก้นนุ่มมากอบกุมที่โคนแล้วรูดขึ้นลงตามจังหวะลิ้นร้อนตวัด
ก่อนที่ความร้อนทั้งหมดจะโอบล้อมจุดอ่อนไหวให้หายเข้าไปในแรงดูดดึง
“อ๊ะ อ๊ะ ... ฮึก
อ๊า ~~~……………..”
และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง
ความเสียวแปลบที่วิ่งจากไขสันหลังไปตามเส้นประสาท ความชาคล้ายไฟอ่อนช็อต
ไปทั่วร่างกายก็พร้อมใจวิ่งจากกึ่งกลางลำตัวไปทั้งปลายนิ้วมือ
นิ้วเท้า
พุ่งอัดแน่นในอกจนต้องแอ่นสูงก่อนจะวิ่งขึ้นขมับ
ราวกับมีอะไรบางอย่างอัดแน่นในก้อนสมอง จนต้องหยีทั้งหน้า ตา และคิ้ว
จนถึงขบริมฝีปากไว้แน่นเพื่อต่อสู้กับความ
รู้สึกนั้น จนกระทั่งสมองขาวโพลน ขาผอมกระตุกเกร็ง และน้ำอุ่นร้อนพุ่งเข้าสู่ความร้อนและเปียกชื้นที่ยังครอบครอง
อยู่ทันที
...
รู้สึกโดนดูดหนักพร้อมกับมือยาวรูดขึ้นลงช่วยระบายบางสิ่งออกจากตัวเพื่อคลายความอึดอัด
ปากบางอ้ากว้าง หอบ กอบโกยอากาศ รู้สึกถึงกล้ามเนื้อบางมัดบางส่วนในตัวเต้นยิบๆ
แต่ไม่สามารถควบคุมได้
มือยาวของเจตละออกจากส่วนอ่อนไหวและก้นนุ่มมาบีบคลึงไปทั่วต้นขาและบั้นเอวให้ความเสียวซ่านไหลวน
ไปทั่วตัวอย่างสะดวกและล้ำลึกมากยิ่งขึ้น
จนเมื่อหลายสิ่งหลายอย่างหลุดลอยคว้างขึ้นสูงสุดแล้ว
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขนนกโดนลมซัดสูงแล้วค่อย ๆ โรยตัวลง
สู่พื้นเมื่อสายลมอ่อนแรงลง
เขาจึงค่อยๆ เปิดเปลือกตามองอีกคนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมคือหว่างขาของเขาและมองจ้องอยู่
แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความต้องการยังฉายชัด และมีแวว “สมใจ” ในสีหน้านั้น ปากบางเปิดยิ้มที่เขารู้สึกว่ามัน
เจ้าเล่ห์
เหลือเกินก่อนจะโน้มลงมาจูบเขาอย่างลึกซึ้ง
บางอย่างที่ขมึงตึงและร้อนจัดของคนด้านบนสัมผัสเข้าที่กลางลำตัวเขาตามท่วงท่าของการขยับตัว เจตทิ้งน้ำหนักลง
มากขึ้นจนแผ่นอกแนบแน่น ศอกข้างหนึ่งถูกค้ำไว้บนผ้าห่มข้างศีรษะเขา
ส่วนอีกข้างล้วงลงไปจับส่วนรุ่มร้อนของเจ้าตัว
รวบไว้ด้วยกัน ...
แล้วเริ่มขยับช้าๆ
จากปลายนิ้ว ปลายเท้า ไขสันหลัง
สมอง
ความรู้สึกพุ่งกลับมาที่จุดอ่อนไหวทันทีเมื่อโดนปลุกซ้ำ
เสียงแหบพร่า
ลอดลำคอของเขาออกมาพร้อมกับร่างกายที่บิดเกร็ง มือผอมบางปัดป่าย จับ ขยุ้มทุกสิ่งที่คว้าได้
ยิ่งคนข้างบน
เคลื่อนไหวเร็วเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแน่นในอกคล้ายจะระเบิดออกมาเท่านั้น
เสียงทุ้มต่ำครางในลำคอ และอ้าปากเปล่งเสียงครางที่ข้างใบหูเขา หน้าคมกดจูบซ้ำๆ อยู่ที่ไหล่ ซอกคอ และใบหู
ทั้งที่ร่างกายส่วนล่างยังขยับและมืออีกข้างยังรวบสองความรุ่มร้อนไว้ด้วยกัน
ต่างคนต่างต้องการ
ต่างคนต่างรุ่มร้อน เสียงพร่าระบายความอึดอัดปะปนกันไปทั่ว ทั้งคราง ทั้งพึมพำต่ำในลำคอ
จนกระทั่งเอวสอบของเจตเร่งจังหวะถี่พร้อมมือที่กระชับส่วนกลางของร่างกายเข้าหากันยิ่งกว่าเดิม
เจตดันตัวขึ้นจนแขนเกือบตรงเพื่อให้อยู่ในท่าที่ถนัด แล้วเริ่มสวนสะโพกแรงมากขึ้น ยิ่งเสียดสีก็ยิ่งเพิ่มทวีความเร่าร้อน
เม็ดเหงื่อที่หยดจากคนข้างบนโดนใบหน้าและแผ่นอกผอมบางทำให้เขาพร่า
เบลอ และเมื่อความเร็วถี่รัวในเฮือกสุดท้าย
พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำครางยาว
หน้าคมแหงนหงาย กล้ามเนื้อทุกมัดทุกชิ้นในกายของเขาก็กระตุกเกร็ง...อีกครั้ง
เสียงหวีดร้องที่เปล่งออกจากลำคอ
มันเหมือนเสียงของหญิงสาวที่เขาเคยได้ยินเวลาที่หล่อนถึงจุดสูงสุด
แต่ทว่าวันนี้
มันเป็นเสียงของเขา...
กลุ่มหมอกควันขาววิ่งขึ้นจากกลางอกลำคอแล้วไปติดแน่นที่สมอง ... ก่อนจะค่อย ๆ ฟุ้งเลือน
เจือจางออกไปคล้ายโดนสายลมอ่อนปัดเป่า กล้ามเนื้อทุกส่วนเกร็งแน่นและกระตุกติดต่อก่อนจะค่อยอ่อนแรงลง
แล้วทิ้งตัวแขนขาอย่างไม่แคร์ท่าทาง
พอ ๆ กับใบหน้าเรียวที่เอียงข้างแนบลงกับหมอนอย่างสิ้นเรี่ยวแรง และคนข้างบน
ที่หอบตัวโยนเองก็ทิ้งตัวลงนอนข้าง
ๆ รวบเขาเข้าไปกอดแน่น แล้วหลับไป ....
ที่นอนหนานุ่มในห้องปรับอากาศเย็นฉ่ำยวบยาบเล็กน้อยเมื่อเขาลืมตาตื่นแล้วลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ
อย่างไม่อิดออด
จนเมื่อก้าวขาออกจากประตูห้องน้ำอีกครั้งฟ้านอกหน้าต่างห้องจึงเปลี่ยนสีบ่งบอกเวลาเช้าวันใหม่
เขาหยิบเสื้อผ้าที่คิดว่าได้รับอนุญาตให้ใช้ได้เรียงใส่กระเป๋า คัดแยกของแล้วแบ่งไว้เป็นสองกองคือถุงที่นำติดตัวไปได้
และถุงที่ไม่แน่ใจว่าจะฝากเจ้าของห้องไว้ หรือจะทิ้งไปเลย
“ตื่นแต่เช้าจัง” เสียงพร่าดังมาจากคนที่เพิ่งยันตัวขึ้นนั่งทั้งที่เปล่าเปลือยและลูบใบหน้าตัวเองแรง
ๆ
“วันนี้กูต้องกลับเข้าไปแล้ว”
“กูจำได้” หย่อนขายาวลงตรงพื้นข้างเตียงพลางกวาดตามองเขาที่นั่งขัดขาอยู่ที่พื้นด้วยสายตาคมกริบ
“ไปส่งกูที่บ้านที”
“กูตั้งใจจะไปส่งมึงอยู่แล้ว
ขออาบน้ำก่อน”
เจตใช้เวลาอาบน้ำแค่เพียงไม่กี่นาที ก่อนที่จะพาตัวสูงโปร่งและหน้าคมขรึมออกมายืนหน้าตู้เสื้อผ้า เสื้อยืดสีดำและ
กางเกงยีนส์สีดำสนิทถูกหยิบมาสวมลวก
ๆ ก่อนที่จะมานั่งยองข้าง ๆ กองถุงของเขาพร้อมกับเช็ดผมสั้นเกรียนที่ยัง
หมาดอยู่ด้วยผ้าขนหนู
“นั่นจะเอาไปใช่หรือเปล่า”
“อือ”
“ที่เหลือนี่ฝากกูไว้?”
“ทิ้งเลยก็ได้”
“ไม่ต้องทิ้งหรอก เอาไว้นี่
มึงมาคราวหน้าจะได้มีใช้”
เขามองตาคมของคนที่บอกให้เขาฝากของไว้ ... คราวหน้าสำหรับเขา....งั้นเหรอ?
เจตลุกไปโยนผ้าขนหนูใส่ราวตากแล้วเดินไปหยิบข้าวของโยนลงบนเตียงหลายอย่าง
ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมและกุญแจ
แล้วเดินมาหาเขา
เขาจึงรีบหยิบข้าวของแล้วลุกขึ้นทันทีเมื่อเข้าใจจากท่าทางว่าเจตพร้อมจะไปส่งเขาแล้ว
“เดี๋ยว.... มึงเอาของในถุงพวกนั้นออกไปใส่ในตะกร้าก่อน”
“ทำไมวะ”
“แม่บ้านเขาจะได้มาเอาไปซักไว้ให้มึงใส่”
“มะ .. ไม่เป็นไรหรอก ใส่ถุงไว้อย่างนั้นแหละ”
“สกปรก มึงใส่แล้วด้วย กว่าจะมาอีกทีห้องกูได้เหม็นอับเพราะเสื้อผ้าพวกนี้”
มือใหญ่ของเจตดันหลังเขาแรงๆ
เขาได้แต่หันมามองเจตอีกครั้งแล้วจึงวางถุงในมือบนเตียง ข้าง ๆ
กองเสื้อผ้าที่เจตโยน
ออกมาจากตู้เมื่อสักครู่
แล้วหยิบถุงที่ซุกไว้ข้างเตียงมาเทเสื้อผ้าใช้แล้วของตัวเองลงในตะกร้าสำหรับรอซัก
เทปนไปกับ
เสื้อผ้าของเจ้าของห้องเมื่อมองไม่เห็นว่ามีตะกร้าใบอื่น
ล้อรถใหญ่ของพาหนะสองล้อจอดที่หน้าประตูรั้วบ้าน เขาก้าวขาลงจากรถแล้วยืนเต็มฝ่าเท้าพร้อมหลังที่สะพายกระเป๋าเป้
และมือที่หอบหิ้วถุงในขณะที่แดดเช้ายังอ่อนแสงอยู่นัก
ประตูหน้าบ้านเปิดค้างไว้เป็นสัญญาณให้รู้ว่ามีใครบางคนอยู่ในนั้น
เขาถือถุงของก้าวขาข้ามธรณีประตูเข้าในตัวบ้าน
ไฟถูกเปิดไว้เพียงแค่บางดวงเท่านั้นแต่ก็ชัดเจนมากพอให้เห็นเงาเค้าร่างของหญิงคนหนึ่งที่นั่งเงียบๆ
อยู่โซฟาและหันหลัง
ให้ประตู
เขาค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปช้า ๆ และเมื่อเขาหยุดยืนที่ไม่ไกลโซฟานัก
และไม่ทันได้เอ่ยทัก ใครคนนั้นก็ผุดลุกขึ้นพร้อมกับ
หยิบกระเป๋าสะพายของผู้หญิงสีเข้มขึ้นคล้องกับไหล่แล้วหมุนตัวกลับมา
เดินเร็วๆ ผ่านเขาไปทางประตูหน้าบ้านในทันที
เขาไม่แปลกใจ เพราะเขารู้ดีว่าคนคนนี้เพียงแค่มาทำตามหน้าที่ เขาจึงทำได้แค่มองขึ้นไปยังประตูห้องนอนชั้นสอง
มองห้องของเขาที่ประตูถูกปิดไว้ท่ามกลางความมืดสลัวของระเบียงที่ไร้แสงไฟ เสียงถอนหายใจยืดยาวถูกนำมาใช้
ก่อนที่ขาเล็กจะก้าวเดินตามใครคนนั้นไปยังประตูหน้าบ้านในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน
เจตที่ยังคงจอดรถอยู่ตรงประตูรั้วมีสีหน้าแปลกใจ หลังจากเขาลงจากรถของเจตเมื่อห้านาทีก่อน เจตบอกว่าจะรอ
ให้เขาเก็บของเสร็จเรียบร้อยจึงจะกลับ
และเจตคงไม่คิดว่าเขาจะใช้เวลาเพียงแค่ห้านาทีเช่นนี้
......... นั่นสิ แค่ห้านาที เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะขึ้นไปหยิบอะไรสักชิ้นบนห้องนอนของตัวเองด้วยซ้ำ
แต่ธนบัตรสีเทาปึกหนึ่งเมื่อสองสามวันก่อนก็ช่วยให้เขามีทุกอย่างตามสมควรแล้วในเป้ที่สะพายอยู่ที่หลัง
อีกส่วนที่เหลือเขาดึงออกจากกระเป๋ากางเกงขาสั้นแล้วยื่นให้เจตในจังหวะที่เดินผ่าน
พร้อมกับพูดฝากความด้วย
น้ำเสียงที่เบาจนตัวเองยังแทบไม่ได้ยิน
“เก็บไว้ให้กูที”
สีหน้าของเจตบอกถึงความไม่เข้าใจ เขาจึงขยายความเพิ่มก่อนจะรีบก้าวขาเร็ว
ๆ ตามใครคนนั้นที่คล้องกระเป๋าไว้
กับไหล่แล้วหนีบแน่น เดินนำลิ่วโดยไม่เหลียวหลังมามองเขาเลยสักนิด
“เขา....ไม่เอาคืนหรอก”
เสียงสองล้อมีลูกสูบดังกระหึ่มจากด้านหลังแล้วค่อยหายไป เจตคงขับรถตามถนนไปทางท้ายซอยที่จะทะลุถนน
อีกสายเพื่อกลับที่พักแต่เขาไม่ได้หันไปมองเพราะมัวก้าวขาให้ทันคนที่ผลุบเข้าไปนั่งด้านหลังของรถแท็กซี่เสียแล้ว
เสียงวิทยุที่ดังในห้องโดยสารและเสียงจากเครื่องมือสื่อสารตัวสีดำจากแผงด้านหน้าช่วยให้บรรยากาศกระอักกระอ่วน
บางเบาแต่ไม่ได้จางหาย
มันยังคงซุกตัวอยู่ในความรู้สึก ในแววตา ในอากัปกิริยาของสองคนที่เบาะหลัง
อย่างน้อย
ก็ขอบคุณเสียงแตกซ่าตามคุณภาพภาครับภาคส่งของวิทยุในแท็กซี่กลางเก่ากลางใหม่เครื่องนั้น ที่ช่วยดึงความสนใจ
ของคนขับแท็กซี่ไปจากพวกเขา
และกลบความเหินห่างหมางเมินที่แผ่จากไหล่ผอมของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งเชิดหน้า
หันออกนอกหน้าต่างตลอดเวลา....ไม่แม้จะชายตามามองเขาที่นั่งอยู่เบาะข้าง
ๆ กันด้วยซ้ำ
สิ่งเคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง ใช่ว่าครั้งที่สองจะรู้สึกแตกต่าง
แนวกำแพงสูงตระหง่านที่ผ่านเข้ามาในกรอบสายตาทำให้ลมหายใจสั้นลงอย่างไม่มีสาเหตุ
เหมือนปอดใต้ซี่โครง
ถูกบีบลงเหลือก้อนนิดเดียวจนเก็บกลืนลมหายใจได้ไม่มาก ความเย็นเยียบวิ่งจากจุดไหนสักที่แถวกลางลำตัว
ในท้อง หรือแผ่นหลัง
แล่นเป็นสายริ้วสู่ปลายนิ้วขาวซีดจนเย็นชืด
สายเป้ถูกกำแน่นราวกับต้องการหาที่ยึดเหนี่ยว
เขาหันไปมองไหล่เล็กของใครคนนั้นอย่างเต็มตา
ปฏิเสธไม่ได้ว่า
เขาต้องการไออุ่นจากใครสักคนมากแค่ไหนในตอนนี้ แต่สิ่งที่เขาได้รับมีเพียงแววตาเฉยชาที่สะท้อนให้เห็นจากกระจก
ติดฟิล์มของรถ และสายตาที่กรีดลึกถึงขั้วหัวใจของชายกลางคนผู้ขับแท็กซี่เมื่อเลี้ยวเข้าจอดที่ริมถนนข้างป้ายบอก
สถานที่ใหญ่โต
ป้ายที่บอกชัดถึงชื่อของสถานที่แห่งนี้ สถานที่ที่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็คิดเหมือนกันทั้งนั้น
.... ว่าไม่มีเด็กดีคนใดต้องหอบเสื้อผ้ามานอนที่นี่..... ไม่มี
แผ่นหลังเล็กของใครคนนั้นห่างออกไปหลังจากลงลายมือชื่อในเอกสาร
และแผ่นแถบตรวจของเหลวแสดงให้เห็นว่าเขา
“ปกติ”
ของในกระเป๋าเป้ และถุงกระดาษถูกส่งไปอีกห้องตามขั้นตอนเพื่อตรวจ เช่นเดียวกันกับเขาที่กลั้นหายใจก้าวขา
ข้ามกรอบเหล็กอันเป็นเขตกั้นแยกโลกสองใบออกจากกันในเสี้ยววินาที ร้อนที่ดวงตาและหนาวเหน็บในหัวใจ
ขั้นตอนเหมือนเดิมทุกอย่าง ต่างเพียงคำสนทนาจากชายในเครื่องแบบเปลี่ยนเป็นซักถามสิ่งที่เขาทำในช่วงไม่กี่วัน
ที่ผ่านมา
มากกว่าจะพูดถึงเนื้อหายาวยืดหลายหน้ากระดาษเช่นเคย
เสื้อผ้าที่ติดตัวมาถูกเก็บใส่ถุงมัดปากเรียบร้อย
เขียนหมายเลขด้านข้างถุงด้วยปากกาเมจิกเส้นใหญ่ก่อนจะโยนลง
กล่องพลาสติกที่เปิดฝาทิ้งไว้และมีอีกหลายถุงนอนรออยู่แล้ว
เสื้อสีพื้นคอปาดกว้างตัวโคร่งและกางเกงขาสั้นถูกนำมา
ให้สวมใส่โดยไม่เต็มใจแต่จำยอม เขาเพียงแค่ลูบแผ่นอกตัวเองเบา ๆ
อย่างน้อยคราวนี้เขาก็มีเสื้อกล้ามและกางเกงใน
มากพอแล้ว
รับของที่ตรวจแล้วเรียบร้อยจึงสะพายกระเป๋าไปห้องล็อกเกอร์เพื่อเก็บของ ถุงกระดาษในมือถูกเปิดอ้าออกเพื่อมอง
แล้วยิ้มด้วยความพึงพอใจเมื่อได้คิดถึงสีหน้าของเจ้าเด็กแสบ
เขาหวังว่าไอ้แสบจิ๋วจะชอบสีดินสอที่เขาซื้อมาฝาก
และโชคดีที่คนในเครื่องแบบเหล่านั้นไม่หยิบมันออกไปแม้แต่สีเดียว
“พี่จ้อย!!!”
เด็กตัวเล็กและผอมจัดวิ่งมาตามถนนคอนกรีตเมื่อเห็นเขา มันพุ่งมาด้วยความรวดเร็วแต่เมื่อถึงตัวเขามันกลับทำ
เพียงแค่หยุดยืนข้าง
ๆ เขย่งตัวขึ้นลงพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ตาสุกใสบนใบหน้ามอมแมมด้วยสีผิวค่อนไปทางกระด่างดำ
ไม่สม่ำเสมอมองถุงในมือเขา
มองมือเขา และถ้าเขามองไม่ผิด จิ๋วเอื้อมมือออกมาเล็กน้อยคล้ายจะจับตัวเขาแต่ก็ชะงัก
แล้วหดกลับไปขดซ่อนไว้ด้านหลัง เขาจึงยื่นมือไปจับต้นแขนผอมนั่นแล้วดึงให้เดินตามเขาเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ที่วันนี้
เปิดรอสำหรับผู้ที่เพิ่งกลับมาถึงเช่นเขา
“เอ้า ซื้อมาฝาก”
“จริงเหรอ มึงให้กูจริงเหรอ”
ป้าบ!
เขาตบหัวเล็ก ๆ ของเด็กชายตัวผอมเมื่อรู้สึกว่าคำพูดของไอ้ตัวเล็กตรงหน้าระคายหู
พูดจากูมึงเต็มปากเต็มคำ
แม้จะเคยได้ยินมาแล้วหลายเดือน
แต่หลังจากก้าวขาออกนอกกำแพงหนานี้แค่ไม่กี่วันเขากลับอยากให้ไอ้เด็กตัวจิ๋วคนนี้
พูดจาให้สุภาพ อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องติดปากมันไปยามเมื่อสักวันที่มันจะได้รับโอกาสติดปีกออกจากที่นี่
“เรียกกูใหม่”
“พี่.. พี่จ้อยให้กูเหรอ”
หัวเล็กเอียงหลบวูบเมื่อเขาเงื้อมืออีกครั้ง
ปากบางแห้งแตกของไอ้เด็กตัวเล็กที่นั่งตาโตมองกล่องสีในมือเขาอ้าขึ้นเถียง
อย่างเร็วรัว
“ก็เรียกพี่แล้วไง
จะตบกูทำไมอีก”
“ทำไมต้องแทนตัวว่ากู”
“แล้วจะให้แทนตัวเองว่ายังไง”
“ชื่อมึงไง ไอ้จิ๋ว”
“จะอ๊วกแตก
ตั้งแต่จำความได้ก็พูดแค่ ข่อย เจ้า กู มึง ที่บ้านก็พูดอย่างนี้” คิ้วของคนที่ยังอยู่ในวัยเด็กโตขมวดเข้าหากัน
หน้าตาเอาเรื่องและเหตุผลของมันทำให้เขายื่นกล่องสีที่ตั้งใจซื้อมาให้พร้อมกับถอนหายใจ
“โห
นี่กูไม่เคยมีแบบนี้เลยนะพี่จ้อย”
“เออ ใช้ไปเถอะ แล้วตั้งใจเรียนด้วย”
“เออ ตั้งใจแน่ๆ”
“ครับสิ มึงจะเออได้ไง
กูเป็นพี่มึงนะ”
“แล้วพี่จ้อยพูดกูกับมึงกับกูทำไมล่ะ”
“วะ... เออ มึงจะพูดยังไงก็ตามใจ”
หัวเล็ก ๆ ผมเกรียนๆ ผงกขึ้นลงแทนการตอบรับ ก่อนที่ไอ้จิ๋วจะทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิบนพื้นแล้วเปิดกล่องสีที่เรียงกัน
เป็นแผงออกแรง
ๆ จนแท่งสีกระเด็นลงบนตัก มือผอมค่อย ๆ หยิบแต่ละสีมาเพ่งดูใกล้ๆ แล้วกำไว้ในมือแน่น
หมุนสลับแท่งไปมาด้วยรอยยิ้ม
“อย่าทำหายล่ะ
เดี๋ยวสีไม่ครบ จะไม่สวย”
“เออ กูจะวาดรูป แล้วกูจะเอามาให้พี่จ้อยดูนะ”
“เออ กูจะรอดู”
TBC
Best Online Casino UK ᐈ Top 3 Casino Site & Apps
ตอบลบBest Online Casino UK: Top 3 Casino Site & Apps in 2021 · 1. Red Dog – Best UK Online Casino in 2021 · 2. InterTops luckyclub – Best Casino for New Players