วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

IBYS 2_4 มองฉันสิ..ทงเฮ

I'm by your side~ ใกล้ ๆคุณ 2
Chapter 4 : มองฉันสิ...ทงเฮ

ส่วนต้นค่ะ

ม่านถูกรูดออกจนสุดเปิดให้เห็นโลกภายนอกผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่  วิวจากห้องต่างระดับของบ้านหลังกะทัดรัดไม่กว้างไกลแต่พอเห็นสนามเล็กด้านหลังและไฟตามท้องถนนและบ้านเรือน

“ทำอะไรอยู่หืม?

สัมผัสสอดเข้าใต้แขนแล้วโอบรัดรอบเอว ลำตัวเย็นๆ อย่างคนเพิ่งอาบน้ำแนบเข้ามาที่ด้านหลัง  ความชื้นส่งผ่านเสื้อนอนตัวบางแต่ก็ทำให้รู้สึกดี  เพียงไม่นานไอความเย็นค่อยผสานกับอุณหภูมิจนเป็นไออุ่นที่รู้สึกได้

 “ดูไปเรื่อยเปื่อย” 

อีทงเฮเอนตัวพิงทั้งที่ตายังมองไปนอกหน้าต่างที่ไม่ค่อยเปิดม่านนัก เพราะการอยู่คนเดียวทำให้รู้สึกระมัดระวังเกินกว่าจะปล่อยช่องว่างให้คนภายนอกมองทะลุได้

                “เมาหรือเปล่า”

                เสียงทุ้มพูดชิดใบหู  ปากบางยิ้มเบา คิบอมคงจะห่วงสองแก้วสุดท้ายที่เขาใช้วิธียกรวดกับอีฮยอกแจเพื่อให้เพื่อนยอมปล่อยเยซองออกจากการกอดรัดแล้วแยกย้ายกลับบ้านเสียที

                “ไม่หรอก คิบอมล่ะ”

                “ไม่เมา แต่สงสัย”

                “หือ? สงสัยอะไร”

                “สงสัยบางอย่าง ... แต่คิดว่าทงเฮคงไม่ตอบ”

                เบี่ยงหน้าไปมองจมูกโด่งคมและปากอิ่มได้รูป อีทงเฮขำคิกในลำคอเพราะคิมคิบอมทำเสียงคล้ายน้อยใจตัดพ้อราวกับเด็กๆ

                “รู้ดีจังนะ” 

                “เฮ้อ... ก็ทงเฮไม่ค่อยตอบอะไรสักเท่าไหร่”

                “บางเรื่องไม่ต้องตอบก็ได้นี่นา ดูเองก็เห็น”

                “เห็นแล้ว... ว่าทงเฮแปลกๆ”

                “ที่ไหน.. ไม่มีหรอก”  เสียงใสเอ่ยแผ่วกว่าเดิม รู้สึกถึงอ้อมแขนที่กระชับเอวมากขึ้น

                “ตั้งแต่ที่ร้าน ฉันอยู่ข้างนายตลอด รู้....ว่านายแปลกไป อย่าปฏิเสธเลย”

                “..อะ .. อืมมม”

                หมดปัญญาจะปฏิเสธในเมื่อรู้ดีว่าเจ้าของกอดอุ่นช่างสังเกตกว่าเขามากแค่ไหน

                “คิดอะไรอยู่  บอกฉันได้มั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยชิดใบหูจนปากอุ่นละเลียดโดน ก่อนจะกดจูบเบา ๆ ให้ใจหวิวเล่น ๆ

                “มะ .. ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเถอะนะ  เดี๋ยวฉันก็หาย”

                “แน่เหรอ?

                “แน่สิ” 

                หันไปสบตาคู่คมที่รออยู่ แต่ดูเหมือนอีกคนจะยังเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ ทงเฮจึงค่อย ๆ หมุนกายกลับมา วางหน้าผากพิงไหล่ซุกหน้าลงไปพร้อมโอบเอวสอบไว้หลวม ๆ

                “ไม่ได้เป็นอะไรมาก เดี๋ยวก็หาย... จริงๆ”

                “งั้น.. ฉันขอบอกอะไรหน่อย”

                “หืมม? อะไรเหรอ”

                “ฉันอยู่ตรงนี้นะ”

                “...อะไรอ่ะ  ก็รู้... คิบอมก็อยู่ตรงนี้ไง” แขนเล็กที่กอดเอวสอบไว้เขย่าเบา ๆ

                “งั้นแล้วทำไมนายถึงใจลอยไปที่อื่นตลอดเวลาเลยล่ะ”

                “................?

                “นายอาจจะไม่รู้ตัว  แต่ฉัน...รู้สึก”

                “................”

                “ทั้งที่อยู่ข้าง ๆ นายอย่างนี้”

                “................”

                “แต่เหมือนใจนายลอยไปที่อื่น เหมือนตาของนายจะมองผ่านฉัน”

                “มะ..ไม่นะ ไม่จริงหรอก”

                สัมผัสอุ่นจุมพิตลงที่แก้ม  ริมฝีปากชื้นเล็มไล้แนวกรามจนถึงคาง กดเพียงแผ่วบางที่ริมฝีปากบนแล้วผละออกจนทงเฮมองตามตาปรอย
               
                “ฉันอยู่ข้าง ๆ นาย ฉันไม่ได้มองตามใคร ไม่ได้คิดถึงใคร  คิดถึงแค่นาย.... เพราะฉะนั้นอย่ามองคนอื่น อย่าคิดถึงคนอื่นมากกว่าฉัน.. อย่าสนใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง .....มองฉัน  ฟังฉัน....ทงเฮ””
               
                แม้จะเอ่ยประโยคเอาแต่ใจ แต่น้ำเสียงแฝงมาด้วยความน้อยใจ  สะกดให้คล้อยตามง่าย ๆ ไร้เรี่ยวแรงขัดขืน เสียงทุ้มนั่นทำให้อีทงเฮรู้สึกว่ากำลังถูกตัดพ้อ 

                กลิ่นแอลกอฮอล์จางส่งผ่านไออุ่นของลมหายใจ คละเคล้าส่งต่อกันในโพรงปาก  ลิ้นชื้นซุกซนเกี่ยวกระหวัดจนสั่นสะท้าน  แก้มนิ่ม ผิวคอหอมถูกสูดกลิ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความเบียดชิดจากคนเดิมทำให้ใจเต้นตุบตับแทบหลุดออกนอกอก ก่อนที่คิมคิบอมจะดันออกแล้วเริ่มบางอย่างที่อีทงเฮ...ไม่เคยรู้จัก
               
                ครางแผ่วเพราะความวาบหวิวที่ไม่เคยคุ้น  คิมคิบอมที่ร้อนรุ่มวันนี้กลับเนิบนาบ ลมอุ่นพรมไปทั่วแผ่นอก แผ่นท้องเปลือยเปล่า ปากอิ่มลากเอื่อยเพียงแผ่วผิว  บางเบา.......ให้รู้สึกไม่แน่ใจในสัมผัสจนต้องแอ่นอกเข้าหา

                นิ้วเรียวยาวที่เคยเค้นหนักจนเนื้อตัวเจ็บ  กลับลากเบาจากข้อเท้า ปลีน่อง  ต้นขา และผิวเอวจนต้องบิดกาย  ปลายนิ้วปัดป่ายตามแนวสีข้าง ก่อนหยุดไล้วนที่ยอดอก
               
                ทำได้ยังไงกัน... 

                เหมือนเป็นเพียงสายลมอุ่นลากผ่านทุกส่วนสัด  ราวกับเป็นเพียงภาพลวงในจินตนาการ  มีเพียงเรียวลิ้นที่สะกิด และปากอิ่มที่เชยชมจุกเล็กเท่านั้น ที่ทำให้ทงเฮเชื่อว่ากำลังถูกกกกอดอยู่จริง

                “ฮื้อออ~” 

                ศอกเล็กค้ำก่อนดันยกตัวขึ้นสูง  ครางในลำคอฮึดฮัด  คิ้วเรียวขมวดนิ่วอย่างคนไม่ได้ดั่งใจ  แต่ไม่รู้ว่าอะไรที่ตนต้องการ

                ใบหน้าคมผละจากผิวเนื้อบางขึ้นมาสบตา  คิมคิบอมยามนี้เนิบนาบ ฝ่ามือคืบคลานช้า  ทั้งที่นัยน์ตาเต็มเปี่ยมด้วยแรงปรารถนาฉายชัด

                “อืออ .. คิบอม”

                วูบโหวง ราวกับมีหลุมกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตแดนอยู่ในอก ร่างกายสะท้านเพราะลมหายใจที่พรมทั่ว แต่กลับเหมือนไม่ถูกสัมผัส 

                รู้ตัวว่ากำลังถูกตาคู่นั้นจดจ้องที่ริมฝีปาก  เผยอปล่อยลิ้นเล็กสีชมพูแลบเลียปากล่างช้า ๆ หวังว่าใบหน้าคมจะโน้มลงมาเติมสิ่งที่เขากำลังร้องขอ 

                แต่คิมคิบอมเพียงแค่ลากผิวปากสัมผัสกัน กดจูบเกิดเสียง จุ๊บ ที่ริมฝีปากบนเบา ๆ เท่านั้น  ไม่แนบชิด ดุดันจนแทบขาดห้วงลมหายใจอย่างที่เคย

               “ฮื้อออออ..”

            สะบัดช่วงแขนที่เป็นอิสระแรงๆ  ลงบนที่นอนนุ่ม  บิดกายไปมาทั้งไหล่  เอว  ช่วงขา  แต่ยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่  ได้ยินเสียงทุ้มครางขำในลำคอให้รู้สึกขัดใจจนยกมือขึ้นทุบหัวไหล่แน่นแรง ๆ

“อือออ ...คิบอมมมม”

“ทำไม”

“ฮื้อออ” 

จิกนิ้วขยำที่ต้นแขนเนื้อเนียนแน่น  นัยน์ตาอบอุ่นส่งแววล้อเลียนกับกิริยาที่เขาแสดงออกซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ  แขนยาวสอดใต้เอวแล้วกอดเกี่ยวไว้  ไม่ทาบทับลงมาเหมือนที่เคยทำ

“คิบอม.. อื้อออ”

หมั่นไส้แววตากับยิ้มมุมปากจนทนไม่ไหว  ความเขินอายถูกพับเก็บไว้เมื่อร่างกายถวิลหาบางสิ่งจนควบคุมไม่อยู่  ยกศีรษะขึ้นสูงแล้วระบายความอึดอัดที่ไม่สามารถเอ่ยเป็นถ้อยคำได้กับกล้ามเนื้อของคนข้างบนทันที


“โอ๊ะ.. โอ๊ยย .. พอแล้ว...ทงเฮ.. ทงเฮ”

ปล่อยเขี้ยวออกจากผิวเนื้อร้อนที่เต้นตุบสะท้อนผิวฟัน  ตวัดตาขุ่นมองคนช่างกวนใจ  จ้อง...จนปากอิ่มนุ่มเคลื่อนมาใกล้ ...กระซิบแผ่วชิดริมฝีปากของเขา

“รู้หรือยัง...”

“รู้อะไร”

“รู้หรือยัง ว่าฉันอยู่ตรงนี้”

“อะไร.. นายหมายถึงอะไร”

นิ้วมือยาวจับมือเขาคล้องไปที่ลำคอของตนเองก่อนจะก้มลงกดจมูกและปากซุกลงที่ซอกคอ ปลายอุ่นชื้นแตะหยอกตำแหน่งตรงที่ทงเฮจำได้ว่ามีไฝเม็ดเล็กอยู่ หวิวรสลิ้นจนเสียงแหบครางฮือ

“กอดฉันแน่นๆ สิ ...จะได้จำได้ ว่าฉันอยู่ข้างนาย  อยู่บนตัวนาย แนบชิดกับนาย....เรา..กำลังแนบชิดกัน”

เสียงทุ้มแหบพร่า ฝ่ามืออุ่นร้อนเริ่มลากผ่าน กดลงน้ำหนักตามผิวเนื้อช้า ๆ  ขอบตาของทงเฮร้อนผ่าว จมูกโด่งแสบด้วยความรู้สึกที่ตีรื้นจากในอก 

...เขาต้องการความอบอุ่นของคนตรงหน้า ต้องการได้รับสัมผัสเพื่อให้ตัวเองมั่นใจ  และเพราะต้องการจนแทบทนไม่ไหว  มือไม้แม้จะสั่นแต่ยังกระชับอ้อมแขนเข้ากับช่วงไหล่หนา

“... ฮือออ .. นะ... คิบอม”




ราวกับโดนมนต์สะกดให้คล้อยตาม ดื่มด่ำอยู่ในห้วงอารมณ์ลึกล้ำจนสะท้านถี่  กล้ามเนื้อทั่วทั้งกายขมวด บิด เกร็ง ด้วยความเสียวซ่าน  เร้าให้อยากหลีกหนีพอๆ กับเบียดผิวเข้าหา 

ถูกกดตรึงกับเนื้อที่นอนนุ่ม  ถูกกดจมลงใต้ผิวน้ำเย็นเยียบแต่ขณะเดียวกันก็กลับรุ่มร้อน  

ท่อนขาแข็งแรงกดขาขาวให้แยก แทรกกายตาม  น้ำหนักที่เคยคุ้นทาบทับ เบียดชิด และเสียดสี

กลิ่นครีมอาบน้ำโชยกรุ่น ผสานกลิ่นเนื้อผิว ระเหยลอยอบอวลจุดอารมณ์พิศวาสให้ลุกโชน 
อะไรบางอย่างในกายบิดมวนเป็นก้อนกระจุก เพิ่มขยายอัดแน่นในอก ลามแผ่ทั่วร่างราวกับกำลังหาช่องทางระบายออกจนต้องหยีตา กัดฟัน 

หน้าเรียว แก้มใสที่เงยหงาย ถูกประคองไว้ในอุ้งมือและกระซิบแผ่วเบาชิดใบหู

“ลืมตามองฉันสิ.. ทงเฮ”

ปรือตามองอารมณ์ปรารถนาในตาคู่นั้น  เห็นภาพตัวเองตัวบิด อารมณ์พุ่งพล่าน เขินอายจนต้องเบี่ยงแก้มออกจากมือลงแนบหมอนหลบสายตา

จูบแนบชิด ตวัดลึก เกี่ยวรัดปลายลิ้นเล็ก ขบดูดปากบางจนแทบชา  ละห่างเพียงน้อยให้ปอดเล็กกอบโกยจนหอบโยน 

“อือออออ ....”


เสียวซ่านทว่ากัดฟันแน่น  มือไม้สั่นจนรู้สึกได้  แม้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่ยังไม่อาจละทิ้งความเขินอายในท่วงท่า  แม้จะเคยรู้จักร่างกายของอีกฝ่ายแต่ยังรู้สึกเจ็บ คับ จนกระเด้งตัวขึ้นกอดเกี่ยวบ่าแข็งแรงไว้แน่น

“อ๊ะ.. อื้ออออ คิบอม”

“ใจเย็นๆ ทงเฮ ... อย่าเกร็ง”

“ฮื้ออออ...”

มืออุ่นร้อนลวกผิวเคลื่อนตามแนวแผ่นหลังโค้ง  บั้นเอว นวดคลึงให้ผ่อนคลาย ก่อนกอบกุมบางส่วนของทงเฮไว้ แล้วเริ่มขยับรูดรั้งตามจังหวะเคลื่อนกายแทรกด้วยเสียงทุ้มหอบหายใจถี่  

จุกบนอกถูกดูดดึงขึ้นแล้วปล่อยหลุดจากปากร้อนซ้ำๆ ...คล้ายจะเจ็บหนึบแต่สร้างกระแสซ่านวิ่งปราดทั่วท้องน้อย

นิ้วแข็งแรงกดทั่วอก และสะโพกนิ่ม  เค้น คลึง ... เกือบจะเจ็บ เกือบจะร้อง แต่ลำคอขาวกลับเปล่งเสียงครางหวาน

ยามอารมณ์พุ่งสูงลิ่ว  หลายต่อหลายครั้งต้องการปลดปล่อยบางอย่างให้พ้นจากกาย  แต่คนข้างบนก็กลับเปลี่ยนจังหวะเป็นเชื่องช้าคั่นไว้  ไม่ยอมปล่อยให้ถึงจุดหมาย  แล้วขยับเร็ว รูดรั้ง ปลุกทุกประสาทสัมผัสอีกครั้งจนแทบขาดใจในห้วงสั้นๆ แค่เพียงไม่กี่นาที

อีทงเฮถูกตอกย้ำด้วยจังหวะกระชั้น  ย้ำ.. ให้รู้สึกถึงผิวเนื้ออุ่นที่เสียดสี  ย้ำ....แทรกลึก  หอบถี่ จนเม็ดเหงื่อหยดพราวลงแผ่นผิว

นิ้วเล็กเกร็งบิดต้นแขนแน่นเนื้อและผ้าปูจนนิ้วขาว ปลายเท้าเกร็งจิกปวดหนึบ  เอวบางแอ่นสูง แหงนเงยสุดลำคอ

ก่อนที่เกลียวคลื่นสูงใหญ่ระลอกสุดท้ายจะโหมซัดอัดในอกจนสมองขาวโพลนและหลุดปลิว  ทิ้งไว้เพียงยอดอกสีก่ำ หน้าร้อน  ตัวชา ราวโดนไฟฟ้ากระแสอ่อนช็อตลามเลียไปทั้งกาย

“อ๊ะ.. อ๊า....อื้อออออ......ฮือ. อ.... ”


คนด้านบนโหมย้ำลึกในจังหวะท้าย  ราวกับต้องการให้ลึกถึงจิตใจ ซึ้งถึงการมีตัวตน สัมผัส จับต้องได้  

และ....ตั้งแต่เริ่มจนถึงจุดสิ้นสุดของกิจกรรม  คิมคิบอมเพียรเรียกชื่อของเขา ก่อนครางกระเส่าในห้วงสุดท้าย 

เสียงกระซิบที่ใบหู ทว่าสะท้อนก้องในใจ 


รักนะ ...ทงเฮ........

TBC


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น